เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี นายสุธาร สิทธิธัญญาการ ชาวกรุงเทพฯ ขับรถนำกล้วยด่างสายพันธุ์ “แดงอินโด” มาส่งให้ นายธนกร สดใส ประธานวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ที่เลขที่ 85 หมู่ 6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยตกลงซื้อขายกันในราคา 1 ชุด 1 ล้านบาท ประกอบด้วย กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด ต้นแม่ 1 ต้น พร้อมหน่อกล้วย 1 หน่อ และต้นเล็ก 1 ต้น ทั้งชุดเป็นสายพันธุ์เดียวกัน จนเป็นข่าวโด่งดัง แต่ต่อมา มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ทั้งสองจัดฉากซื้อขายเพื่อปั่นราคา

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบ นายสุธาร ผู้ขายเปิดเผยว่า กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด ที่ส่งให้ลูกค้าที่ จ.ราชบุรี ขายให้ในราคา 1 ล้านบาท มีทั้งต้นแม่ หน่อ ต้นเล็ก ทั้งชุดเป็นสายพันธุ์และลายเดียวกัน ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับความสวยและลายของใบ โดยต้นที่นำมาส่งมอบให้มีลายละเอียดที่ใบ โดยต้นแม่พร้อมหน่อ 1 หน่อ ราคา 7 แสนบาท ส่วนต้นเล็กอยู่ในราคา 3 แสนบาท ซึ่งที่ผ่านมาตนเพาะพันธุ์กล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด และเคยขายมาแล้ว 4 ต้น ต้นละ 1 ล้านบาท จนเป็นที่รู้จักกันดีในวงการกล้วยด่างคงไม่จำเป็นต้องปั่นราคาเพราะไม่ใช่การขายราคานี้ครั้งแรก

นายธนกร ผู้ซื้อกล้วยด่าง เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ได้เปิดวิสาหกิจชุมชนบ้านช่างสกุลบายศรี ในการนำส่วนต่างๆ ของกล้วยมาผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น หลากหลายรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ “ตานีแบรนด์” โดยปี 2562 ผลิตภัณฑ์ของตนได้รับรางวัลชนะเลิศ OTOP KBO CONTEST 2019 จากกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จนได้รับคัดเลือกให้เป็นของที่ระลึกในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน โดยมอบผลิตภัณฑ์กระเป๋าจากกาบกล้วยให้กับบรรดาผู้นำการประชุมอาเซียน 35 (TH ASEAN SUMMIT 2019) แต่ละประเทศ

นายธนกร เผยอีกว่า ส่วนการที่ตนซื้อกล้วยด่างสายพันธุ์แดงอินโด ราคา 1 ล้านบาทมานั้น เพื่อนำมาวิจัยและเพื่อการขยายเพาะพันธุ์ ส่งมอบสู่ชุมชนในเครือข่าย ตานีแบรนด์ ให้เป็นราคาที่จับต้องได้ วันนี้ได้ลงทุน 1 ล้านบาท แต่อนาคตมันออกลูกออกหลานก็สามารถแบ่งไปที่ชุมชนให้ชุมชนได้ครอบครอง แล้วนำไปปลูกส่งกลับมาให้เราแปรรูป แบบธุรกิจหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันทำอยู่แล้ว โดยเอาต้นใบกล้วยไปทำทดแทนหนังคือเปรียบกาบกล้วยเป็นเสมือนหนัง ตอนนี้กำลังวิจัยนำใบกล้วยมาทำเสมือนหนัง ซึ่งสามารถทำได้แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยอยู่ระหว่างเอามาทดลองแล้วก็ทำให้มันใช้งานได้จริง

นายธนกร กล่าวด้วยว่า ใบกล้วยทดแทนหนัง มันมีอีกหลายสายพันธุ์ที่มีลวดลายสวยงามแบบนี้ สามารถเอามาต่อยอดแล้วก็สร้างมูลค่าให้ให้กับตัวของต้นกล้วย จากล้านอาจจะเป็นหลายๆ ล้านตามมาก็ได้ เพราะทุกอย่างมันไม่ได้แค่ต้นกล้วยมันมากกว่ากล้วย ที่นำมาสร้างสรรค์กันในชุมชน ต.เจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี ส่วนกล้วยด่างที่ซื้อมาต้นเล็กได้ขายไปแล้วราคา 350,000 บาท ส่วนต้นแม่ไม่ขายเพราะตั้งใจซื้อมาวิจัยเพาะพันธุ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในชุมชน ถ้าทุกคนได้ศึกษาคำว่า “Circular-Economy” คือธุรกิจหมุนเวียน เป็นการหมุนเวียนสิ่งที่เรามีในชุมชน เป็นวัตถุดิบ มาทำเป็นตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีแฟชั่นให้มันมีคุณค่ามีอัตลักษณ์ในตำบล ซึ่ง ต.เจ็ดเสมียน เป็นตำบลกล้วยๆ ไปแล้ว เพราะมีการปลูกกล้วยหลายๆ สายพันธุ์เอาไว้ เพื่อเอามาทำ ตานีแบรนด์ หรือเป็นการแปรรูปเพิ่มมูลค่าจากต้นกล้วย ตั้งแต่ยอดจดโคน และการลงทุน 1 ล้านบาท ตนไม่ได้ลงทุนคนเดียวเป็นการรวบรวมเงินจากชุมชนวิสาหกิจชุมชน และมีการประชุมกันจนมีมติให้ซื้อต้นกล้วยด่างนี้มาเป็นการต่อยอดของชุมชนวิสาหกิจ และ ตานีแบรนด์ นั้นเองไม่ได้มีการสร้างกระแส หรือมาปั่นราคา แต่อย่างใด