เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า เลือกผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ สงครามสั่งสอน โดยมีข้อความว่า ผมอยู่กรุงเทพฯ มามากกว่า 50 ปี ลงผู้ว่า 2 ครั้ง ลง ส.ส. บัญชีรายชื่อยุคพรรคชาติไทย จนมาถึงยุคเลือกตั้งปี 2554 ได้คะแนนกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากสุด ส่วนคะแนนรวมทั้งประเทศเกือบล้านเสียง สรุปได้ว่า ไม่มีผู้ว่าฯ คนใดทำตามนโยบายได้เหมือนอย่างที่หาเสียงไว้ และเอาจริงๆ คนกรุงเทพฯ ไม่ได้สนใจนโยบายผู้ว่าฯ เสียเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ฟังไปอย่างนั้น

“กระแส” คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะมาก่อนเลือกตั้งประมาณ 1-2 อาทิตย์ ผลโพลล์ไม่ได้ส่งผลใดๆ อะไรที่แน่อาจไม่แน่ พรรคประชาธิปัตย์ชนะได้เพราะกระแสพลิก ไม่ใช่ชนะเพราะนโยบาย หากไม่เชื่อ ย้อนกลับไปดูสมัยผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ที่ออกนโยบาย “อัจฉริยะ” ทั้งหลาย ไม่ว่า ป้ายรถเมล์อัจฉริยะ หรือป้ายแท็กซี่อัจฉริยะ เพียงแค่ไม่กี่ปี ป้ายพวกนั้นหายไปหมด

คนกรุงเทพฯ ไม่ได้พึ่งนักการเมือง เอาว่า ส.ส. เขตบ้านตัวเองเป็นใครยังไม่รู้ เพราะเช้ารีบออกจากบ้าน รถติด ฝุ่นมาก น้ำท่วม เย็นก็รีบกลับบ้าน รถติดเหมือนเดิม มันก็เป็นแบบนี้มาไม่รู้นานแค่ไหน ให้ผู้ว่าฯ คนใดขี่ม้าสามศอกมาแก้ก็ไม่เคยทำได้

ดังนั้น ให้ดูคะแนนจัดตั้ง บวกกระแสส่งท้าย อะไรที่ว่า “นอนมา” ยังเคยถูกคนกรุงเทพฯ เปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายกันมาแล้ว แค่คำพูดประโยคเดียวชีวิตเปลี่ยน และขอเตือน อย่าได้ไปดูแคลนผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน ที่ชื่ออัศวิน ขวัญเมือง เพราะซุ่มลงพื้นที่ เพาะคะแนนจัดตั้งมานาน หากพรรคพลังประชารัฐสนับสนุน อะไรที่แน่มันก็ไม่แน่ อะไรที่ไม่แน่มันดันเสือกมาแน่เอาตอนวันสุดท้าย

สงครามสั่งสอนจากคนกรุงเทพฯ กำลังจะเริ่ม เมื่อกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร จะมีเลือกตั้งผู้ว่าฯ อีกครั้งในรอบ 9 ปี

ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊กชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์