จากกรณีปรากฏข่าว นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ โจ้ ผู้ต้องหาซึ่งถูกตำรวจ บก.ป. จับกุมเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาคดีคดีฟอกเงิน ต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องและมีคำสั่งปล่อยตัว โดยไม่พบว่ายังมีหมายจับศาลจังหวัดปัตตานีซึ่งออกเมื่อปี 2557 และ 2558 อยู่ด้วย เป็นเหตุให้นายสหชัย หลบหนีไปได้ ทั้งที่ศาลจังหวัดปัตตานี ได้ส่งหมายจับนายสหชัย แก่ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ในขณะนั้นแล้ว แต่หมายจับนั้นไม่ได้ถูกนำเข้าสู่สารบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เป็นเหตุให้ตรวจสอบไม่พบข้อมูลหมายจับนายสหชัย ซึ่ง ตร. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องทันที ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. ลงพื้นที่ จ.สงขลา เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อติดตามเร่งรัดการสืบสวน ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 9 มี พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยประดิษฐ์ จตร.(สบ.8) ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และคณะกรรมการสืบสวนฯ ที่มีกรรมการฯ จากสำนักงานจเรตำรวจและตำรวจภูธรภาค 9 เข้าร่วมประชุมเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมมีการรายงานความคืบหน้าของการสืบสวน ซึ่งในเบื้องต้นมีข้าราชการตำรวจเกี่ยวข้องถูกตั้งกรรมการสืบสวนฯ 3 นาย โดยรายแรกคือ พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.สอบสวน สบ. 3 รายที่สองคือ ด.ต.เอกดนัย จิรวัฒน์ ผบ.หมู่ ตม.ท่าอากาศยานหาดใหญ่ บก.ตม.2 ครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี และรายสุดท้ายคือ ด.ต.สุทัศน์ ดำแดง ผบ.หมู่ กก.ปพ.ภ.จว.ปัตตานี

สอบวินัย ‘รอง ผกก.สีคิ้ว’ ปมหมายจับ ‘เสี่ยโจ้’ ล่องหน ใครมีเอี่ยวรายงานด่วน!

ทั้งนี้จากการประชุมติดตามผล พบว่าการสืบสวนมีความคืบหน้าตามลำดับ ทั้งการสอบปากคำพยานในพื้นที่และพยานจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการประกาศสืบจับตามหมายจับ รวมถึงการตั้งข้อสังเกตและขยายผลประเด็นต่างๆ เช่น ประเด็นการลงข้อมูลหมายจับเข้าสู่สารบบ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเคยมีคำสั่งกำหนดแนวทางปฏิบัติมาตั้งแต่ปี 2553 และมีประเด็นอื่นๆ อีกหลายประเด็นที่ต้องทำการสืบสวนย้อนความโดยละเอียด เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมและความเชื่อมโยง คาดว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ม.ค.2565 นี้

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ลงพื้นที่มาเพื่อติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผบ.ตร. เนื่องจากเป็นกรณีที่สังคมให้ความสนใจ และกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม โดยตนได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ผลการสืบสวนจะต้องสามารถตอบคำถามสังคมได้ในทุกประเด็น และกำชับไปว่า หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร หรือมีการกระทำกันอย่างเป็นขบวนการ ก็ให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น ซึ่งตนจะได้ติดตามความคืบหน้าของคดีเพื่อรายงานให้ ผบ.ตร. ทราบทุกระยะต่อไปจนกว่าการสืบสวนจะเสร็จสิ้น