หลังจากตำรวจได้ติดตามจับกุม นายเอกพจน์ (สงวนนามสกุล) หรือ ครูเอก ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใจจ.ระนอง กระทำความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์ นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก เนื่องจากถูกกลุ่มนักเรีนยออกมาแฉพฤติกรรม ทางเพศที่ไม่เหมาะสม จนถูกผู้บริหารสั่งพักการสอน ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เบื้องต้นให้การภาคเสธ โดยพนักงานสอบสวน สภ.ระนอง ยังเร่งทำการสอบปากคำ และจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังตำรวจทั้งชุดพิสูจน์หลักฐาน และทางมูลนิธิ For Freedom ได้เข้าเก็บพยานหลักฐานสำคัญที่บ้านพัก และที่ทำงานของผู้ต้องหาเพิ่มเติม ที่อาจจะเชื่อมโยง พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กหรือการผลิตสื่อลามกอนาจารเด็ก หรือการขายสู่ตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถเอาผิดในข้อหาค้ามนุษย์ได้
สำหรับกำลังตำรวจส่วนหนึ่ง ได้เดินทางไปที่บ้านพักครูเอก ภายในพื้นที่อำเภอเมือง โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้อ่านหมายค้นให้กับเจ้าของบ้านเช่าฟัง เพื่อเข้าไปเก็บหลักฐานพยานเพิ่มเติม ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทางเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงหัวค่ำของคืนวที่ฟุตบอลไทยเตะ ทางครูเอกพร้อมเพื่อนได้เข้ามาขนย้ายข้าวของทั้งหมดจากบ้านออกไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ก่อนหน้านี้พฤติกรรมของครูเอก ทราบว่ามีการนำนักเรียนมาสอนพิเศษ ที่บ้านจนเย็น บางครั้งก็ถึงค่ำและดึกดื่น อาจจะมีปาร์ตี้และฉลองวันเกิดร่วมกัน ในกลุ่มลูกศิษย์เด็กชาย โดยที่ตนไม่ได้ระแคะระคายมาก่อนว่าครูเอก จะมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายมาก่อน นิสัยส่วนตัวก็เป็นคนเรียบร้อย
จับแล้ว! ‘ครูหื่น’ ชวนเด็กสวิงกิ้งแลกเกรดถ่ายคลิปขาย ตร.เชื่อไม่ทำคนเดียว…
ส่วนภายในบ้านก็จะเหลือเพียงสิ่งของบางส่วนที่ตกทิ้งไว้ เช่นเบาะรองนั่ง หรือเศษสิ่งของที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการละเมิดทางเพศ นำไปตรวจสอบทางนิติเวชอีกครั้ง ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับคดีนี้ และอาจจะแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดกับครูเอกเพิ่มเติม รวมทั้งจะเอาตัวบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดี ซึ่งความผิดจากหลักฐานที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือซึ่งมีข้อมูลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาการ และตำรวจไซเบอร์ ได้เร่งเก็บรวบรวมหลักฐานอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเชื่อแน่คดีนี้จะต้องมีผู้ร่วมกระทำผิดด้วยอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป หากพยานหลักฐานสาวไปถึงผู้ใดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด รวมไปถึงการขยายผลไปถึงความผิดในข้อหาอื่นต่อไป
