เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป. พร้อมชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ป. และชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบฯ นำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุม น.ส.พิมพ์นารา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ข้อหาโดยทุจริตหรือหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะ ทําให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและฉ้อโกงประชาชน หมายศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ รวมทั้งหมายจับศาลจังหวัดระนอง ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนายอัมรินทร์ (สงวนนามสกุล) พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 24 นัด รถเก๋งโตโยต้า วีออส ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 1 คัน จับได้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี 

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจ บก.ป. ได้รับการร้องเรียนผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งว่า ถูกน.ส.พิมพ์นารา หลอกให้นำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าจากจีนมาขายในไทยแบบเหมาตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีโพสต์หน้าร้าน รูปสินค้าให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งหลังลงทุนช่วงแรกมีจ่ายเงินผลตอบแทนจริง กระทั่งเมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อลงทุนเพิ่มขึ้น กลับบ่ายเบี่ยงแล้วเชิดเงินลงทุนทั้งหมดหนีหายไป จนมาทราบความจริงว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจตามที่กล่าวอ้าง ทั้งหมดเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินจากกลุ่มผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 30 ล้านบาท จากนั้นตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมตรวจเช็กประวัติของ น.ส.พิมพ์นารา กระทั่งพบว่ามีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันติดตัว 2 คดี และมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงอีกนับ 10 คดี โดยเฉพาะคดีแอบอ้างชื่อบริษัทหน้ากากอนามัยรายหนึ่ง เพื่อหลอกฉ้อโกงผู้คนให้นำเงินมาลงทุนสั่งซื้อหน้ากากอนามัยผ่านตนเอง อ้างว่าได้ราคากว่าท้องตลาด ก่อนจะเชิดเงินหนีหาย ซึ่งเคยมีเข้าแจ้งความไว้ที่ บก.ปคบ. ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

ทั้งนี้หลังทราบเรื่อจึงได้แกะรอยสืบหาเบาะแสแหล่งที่กบดานของ น.ส.พิมพ์นารา เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม กระทั่งทราบว่า เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา น.ส.พิมพ์นารา พร้อมนายอัมรินทร์ สามีมานั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งย่านไทรน้อย จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อไปถึงระหว่างที่ตำรวจกำลังแจ้งหมายจับให้กับ น.ส.พิมพ์นารา ได้รับทราบพร้อมกับเตรียมควบคุมตัว นายอัมรินทร์ กลับพยายามยื่นข้อเสนอให้เงินตำรวจ 30,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว อ้างว่าภรรยาเพิ่งจะคลอดลูก ก่อนจะถูกทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธพร้อมกับแนะนำให้เก็บเงินไว้ใช้ประกันตัวสู้คดี จึงทำให้ นายอัมรินทร์ ไม่พอใจแล้วทำท่าทางล้วงหยิบสิ่งของบางอย่างในกระเป๋าด้วยท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงพยายามขอตรวจค้นสิ่งของในกระเป๋า แต่ก็ถูกนายอัมรินทร์ ขัดขืนจนเกิดการยื้อแย่งกัน ก่อนจะพบว่าสิ่งของที่ นายอัมรินทร์ พยายามหยิบออกมานั้นเป็นอาวุธปืน เจ้าหน้าที่จึงถอยฉากออกมาเพื่อความปลอดภัย ส่วนตัวนายอัมรินทร์ และน.ส.พิมพ์นารา อาศัยจังหวะช่วงชุลมุนวิ่งหลบหนีขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปในทันที 

หลังเกิดเหตุชุดจับกุมประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบฯ ร่วมสนับสนุนพร้อมกับขับรถไล่ติดตามผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไปจนถึงบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่มากนัก ก่อนพบตัวนายอัมรินทร์ ยืนอยู่เพียงลำพังที่ลานจอดรถจึงปิดล้อมจับกุมตัวได้ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในตัวไม่พบปืนกระบอกดังกล่าว พบเพียงแมกกาซีนสำรอง 1 อัน ก่อนให้การว่า น.ส.พิมพ์นารา ได้ขึ้นรถของแม่ขับหลบหนีต่อมุ่งหน้าไปทาง จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังไล่ติดตาม กระทั่งเมื่อตามไปพบตัวแม่ของผู้ต้องหากลับไม่พบตัว น.ส.พิมพ์นารา แต่อย่างใด เมื่อซักถามแม่ของผู้ต้องหาอย่างละเอียดจึงทราบว่ามีวางแผนให้แม่ขับรถมารับ น.ส.พิมพ์นารา เพื่อให้ช่วยพาหลบหนีจริง แต่ยังไม่ทันได้เจอตัว เจ้าหน้าที่จึงเปลี่ยนแผนกระจายกำลังเข้าตรวจค้นภายในห้างสรรพสินค้าจุดที่พบเจอตัวนายอัมรินทร์ อย่างละเอียดกระทั่งพบเจอตัวน.ส.พิมพ์นารา ที่กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ภายในห้องน้ำในที่สุด พร้อมกับตรวจค้นพบอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าสะพาย จึงทำการควบคุมตัวทั้งสองมาทำการสอบปากคำ

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ นอกจากนี้จากการตรวจสอบนายอัมรินทร์พบเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกายและคดียาเสพติด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.พิมพ์นารา ตามหมายจับพร้อมนำตัวส่ง สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ส่วนนายอัมรินทร์ ถูกแจ้ง 7 ข้อหาหนักประกอบด้วย 1.ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลัง ประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน 2. ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน โดยมีหรือใช้อาวุธปืนฯ 3. กระทําด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอํานาจของเจ้าพนักงานผู้มีอํานาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้น จากการคุมขังไป โดยใช้อาวุธปืนฯ 4. ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ 5. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ 6. ให้หรือขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานฯ และ 7. ร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม (แผ่นป้ายทะเบียน) ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ดำเนินคดี