สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการกีฬาเป็นธรรมเนียมประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกจากบุคคลกีฬาที่มีข่าวฮือฮา หรือมีความโดดเด่นในสายตาของสื่อมวลชนสายกีฬาในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อยกย่อง และหยิกแกมหยอก สำหรับฉายาคนกีฬา ประจำปี 2564 ที่ผ่านมา มี 12 ฉายา ดังนี้

1 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง : ฉายา “ประมุขเร้นกาย” ในช่วงที่ผ่านมา “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดนมรสุมชีวิตอย่างต่อเนื่องในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งกรณี “บอส กระทิงแดง” หรือความล้มเหลวในวงการฟุตบอลที่ทีมชาติไทย ผลงานล้มเหลวทุกชุดแถม ฟุตบอลลีกอาชีพ ยังเจอโควิด-19 ขายสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ต้องเลิกสัญญาลิขสิทธิ์มูลค่าหมื่นล้านกับ “เซ้นส์” ตกเป็นกระแสโดนโจมตีจากแฟนบอลอย่างต่อเนื่อง ทำเอา “บิ๊กอ๊อด” ต้องหลบฉากงดให้สัมภาษณ์ และปรากฏตัวในวงสังคมค่อนข้างน้อย นอกจากจำเป็นจริง ๆ พร้อมกับแต่งตั้ง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ มาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย แบ่งเบาภาระ และรับแสงสปอตไลต์จากสื่อและแฟนบอลไปแทน

2 นวลพรรณ ล่ำซำ : ฉายา “มาดามขี่ม้าขาว” ขณะที่ผลงานทีมชาติไทย ย่ำแย่เกือบทุกชุดทำให้กระแสฟุตบอลไทยตกต่ำสุดขีด “มาดามแป้ง” ก็ขันอาสาเข้ามากู้วิกฤติศรัทธา รับบทผู้จัดการทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก โดยควบทั้งชุด U23 และชุดใหญ่ ซึ่งการเข้ามารับงานครั้งนี้แม้จะเป็นการรับเผือกร้อนแต่กระแสการตอบรับจากแฟนบอลและสื่อค่อนข้างดี

3 ธีรศิลป์ แดงดา : ฉายา “ราชันอาเซียน” สำหรับ “เทพมุ้ย” ธีรศิลป์ หัวหอกทีมชาติไทยเป็น 1 ใน 30 ผู้เล่นชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ถูกปรามาสว่าแก่เกินแกง สภาพโรยราลงไปเยอะ แต่ มาโน โพลกิง กุนซือทีมชาติไทย ยังเชื่อมั่นในศักยภาพว่าเขาจะเป็นดาวยิงคนสำคัญที่จะถล่มประตูให้ “ช้างศึก” นอกจากเป้าหมายการคว้าแชมป์แล้ว ตำแหน่งดาวยิงสูงสุดอาเซียน ที่มุ้ยยิงได้ 15 ประตูตามหลัง นอห์ อลัม ชาห์ อดีตหัวหอกทีมชาติสิงคโปร์อยู่ 2 ประตูยังเป็นที่หมายปองของ ธีรศิลป์ ที่จะลบสถิติ เพื่อก้าวไปสู่ดาวยิงตลอดกาลอาเซียน

4 พล.อ.เดชา เหมกระศรี : ฉายา “หมึกต้นแบบ” ด้วยความที่เป็นคนที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา แทบไม่เคยมีวันพัก แม้จะเจอสถานการณ์โรคโควิด-19 แพร่ระบาด แต่ “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาจักรยาน ทั้งในระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประเภทต่าง ๆ และระดับนานาชาติ ทั้งรายการลู่ “แทร็ค เอเชีย คัพ 2021” และจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2021” เป็นเพียงชาติเดียวในทวีปเอเชีย ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้หลายสมาคมกีฬาได้นำมาตรการดังกล่าวของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ไปประยุกต์ใช้ในการจัดแข่งขัน จนได้รับการชื่นชมและยกย่องจากหลายฝ่าย

5 พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ : ฉายา “จอมเตะเลี่ยมทอง” หลังจากกวาดแชมป์มาแล้วแทบจะทุกรายการ “น้องเทนนิส” นักกีฬาเทควันโดสาวทีมชาติไทย ดีกรีแชมป์โลก จึงเป็นความหวังอันดับ 1 ในการลุ้นเหรียญทองจากกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 พาณิภัค แบกแรงกดดันมหาศาลลงแข่งขันในรุ่น 49 กก.หญิง ซึ่งชิงเหรียญทองกันตั้งแต่วันแรก หลังพิธีเปิด “โตเกียวเกมส์” ซึ่งจอมเตะสาวไทย กรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศ และคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ให้ทัพไทยได้สำเร็จ

6 เช ยอง ซอก : ฉายา “โค้ชโสมหัวใจไทย” เบื้องหลังความสำเร็จของทัพนักกีฬาเทควันโดไทยในโอลิมปิกเกมส์หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา “โค้ชเช” เช ยอง ซอก โค้ชชาวเกาหลีใต้ ที่มาคุมทีมตั้งแต่ปี 2545 นำความสำเร็จมาสู่วงการเทควันโดไทยอย่างมากมาย จนได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนกีฬาชาวไทยว่าเป็นโค้ชชาวเกาหลีหัวใจไทย ล่าสุดได้เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนไทยเต็มตัว และเลือกชื่อไทยเตรียมไว้แล้วว่า “ชัชชัย เช”

7 อาฒยา ฐิติกุล : ฉายา “สวิงสาวเจ้าสนาม” ในปี 2021 นับเป็นปีทองของวงการกอล์ฟหญิงไทย เมื่อโปรสาวชาวไทยประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้หลายรายการ ซึ่งหนึ่งในคนที่สร้างผลงานโดดเด่นที่สุดและต่อเนื่องที่สุด คือ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล โปรสาววัย 18 ปี จาก จ.ราชบุรี ซึ่งคว้าแชมป์เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์ ได้ 2 รายการ และติดอันดับท็อปเทนอีก 13 รายการ พ่วงด้วยรางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมและนักกอล์ฟหน้าใหม่ยอดเยี่ยม รวมถึงตำแหน่งนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดของทัวร์ในรอบปีที่ผ่านมา เรียกว่าลงแข่งรายการไหนเป็นต้องได้ลุ้นเกือบทุกครั้ง และยังปิดฤดูกาลด้วยการคว้าตั๋วเข้าร่วมแข่งขันแอลพีจีเอทัวร์ ซึ่งเป็นทัวร์กอล์ฟอาชีพสูงสุดของฝ่ายหญิง กลายเป็นหนึ่งในโปรสาวสุดฮอตที่สื่อกอล์ฟทั่วโลกให้การจับตามองในปีหน้า

8 เดชาพล พัววรานุเคราะห์ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย : ฉายา “คู่ขนไก่สะท้านโลก” หลังจากจับคู่แข่งขันแบดมินตันคู่ผสมกันมานาน ปี 2021 นับเป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนเส้นทางตบลูกขนไก่ของ “บาส” เดชาพล และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี เมื่อสามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 8 รายการจากทั้งหมด 12 รายการที่ร่วมแข่งขัน จนทะยานขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกอย่างเต็มภาคภูมิ

9 คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล : ฉายา “หญิงปัท ชัดทุกชอต” ด้วยความที่ คุณหญิงปัทมา เป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยประกอบกับชอบเล่นกีฬาหลายอย่างทั้ง ว่ายน้ำ จักรยาน แบดมินตัน และยังมีใจรักกีฬาอย่างเต็มเปี่ยม จึงสนับสนุนส่งเสริมทุนให้วงการกีฬาทุก ๆ ชนิดมาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเข้ามาเป็นนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ก็สร้างนักตบลูกขนไก่ติดชาร์จระดับโลกมากกว่า 50 คน สร้างชื่อเสียงคว้าแชมป์โลก หรือได้แชมป์ระดับโลก จนนับไม่ถ้วน และยังชัดเจนต่ออีกกับตำแหน่งใหญ่ “ไอโอซีหญิง” คนแรกของไทย และคนที่ 4 ของประเทศ เป็น “บอร์ดโอซีเอ” ทำงานระดับโลก และกีฬาในประเทศแบบไม่มีหยุด จนเป็นที่รักของคนในวงการกีฬา

10 ดร.ก้องศักด ยอดมณี : ฉายา “วาดา พาเพลีย” ปี 2564 ช่วงครึ่งปีแรก “บิ๊กก้อง” ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ทำท่าจะสอบผ่านสบายๆ กับงานค่ายหัวหมาก แต่ช่วงครึ่งปีหลังวงการกีฬาไทย เจอองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก หรือ วาดา เล่นงานจนสะเทือนไปทั้งประเทศ ในข้อหาที่ไทยทำผิดกฎเรื่องสารต้องห้าม ไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมนูญสารกระตุ้นของวาดา ในด้านการบังคับใช้กฎหมาย จนประเทศไทย ต้องโทษแบน 1 ปี ที่เป็นดราม่าหนักคือ นักกีฬายกน้ำหนักไทย ที่เพิ่งคืนชีพคว้าแชมป์โลกได้ แต่ไม่มีธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา โดยเฉพาะนักแบดมินตันคู่ผสมขวัญใจชาวไทย “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ซึ่งคว้าแชมป์โลก ที่สเปน ต้องเอาธงสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ขึ้นสู่ยอดเสาแทนธงชาติไทย งานนี้ “ดร.ก้อง” จึงรับไปเต็ม ๆ

11 นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม : ฉายา “พี่มีแต่ให้” สำหรับ “บิ๊กสุชัย” อยู่เบื้องหลังของวงการกีฬามาตลอดนับตั้งแต่สมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ และสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ หลังจากขึ้นมารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ อย่างเต็มตัว ดูเหมือนดวงจะถูกโฉลก แม้กีฬาโปรดจะไม่ใช่เทนนิส แต่ด้วยการบริหารงานสไตล์ใจถึงพึ่งได้ไม่หวังผลประโยชน์กล้าได้กล้าเสียมีโบนัสและส่งกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกครั้งก่อนเดินทางไปแข่งขันและประสบความสำเร็จหลังแข่งขัน จนทำให้ผลงานของนักเทนนิสไทย เริ่มขยับไปในทิศทางที่ดีประสบความสำเร็จในเกมระดับนานาชาติหลายรายการ

12 สุดาพร สีสอนดี : ฉายา “นารีกู้วิกฤติ” เหรียญทองแดงโทนของ “น้องแต้ว” ใน “โตเกียวเกมส์ 2020” ทำให้สมาคมกีฬามวยสากลฯ โล่งอกที่ไม่ต้องกลับบ้านแบบมือเปล่า เหมือนเมื่อครั้ง “ริโอเกมส์ 2016” ที่สำคัญเป็นการปลดล็อกเพราะเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ของนักชกสาวไทย ในระดับโอลิมปิกเกมส์อีกด้วย