สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนูร์สุลต่าน ประเทศคาซัคสถาน เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีคาสซิม โจมาร์ต-โทคาเยฟ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง สนทนากันทางโทรศัพท์ ตามการเปิดเผยโดยรัฐบาลคาซัคสถาน ซึ่งระบุว่า ผู้นำจีนคัดค้านความพยายามของ “กองกำลังต่างชาติ” ที่ต้องการบ่อนทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของคาซัคสถาน และความพยายาม “สร้างความเสียหาย” ให้กับความร่วมมือระหว่างคาซัคสถานกับจีน
ขณะเดียวกัน สีแสดงความเห็นด้วย กับการที่รัฐบาลคาซัคสถาน “ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด” เพื่อฟื้นฟูความสงบให้กลับคืนสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุด ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างแท้จริง ในฐานะผู้นำประเทศ และทิ้งท้ายว่า รัฐบาลปักกิ่งพร้อมมอบความสนับสนุนที่จำเป็นให้แก่คาซัคสถาน เพื่อให้ก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากและยุ่งยากครั้งนี้
ในอีกด้านหนึ่ง ทำเนียบเครมลินรายงานว่า โทคาเยฟสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยผู้นำคาซัคสถาน “รายงานสถานการณ์อย่างละเอียด” กับผู้นำรัสเซีย ว่าสถานการณ์มีแนวโน้มกลับคืนสู่เสถียรภาพมากขึ้นเป็นลำดับ และขอบคุณความสนับสนุนทางทหารจากองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม ( ซีเอสทีโอ ) ซึ่งมีรัสเซียเป็นหัวเรือใหญ่
นอกจากนี้ ผู้นำคาซัคสถานและรัสเซียแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในประเด็น “มาตรการฟื้นฟูความสงบ” และยืนยันจะติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอในอนาคต
ทั้งนี้ บรรยากาศโดยรวมในคาซัคสถานสงบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อวันเสาร์ แต่ยังคงมีรายงานการประท้วงและการปะทะประปรายในบางพื้นที่ ด้านนายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ผู้นำคนแรกของคาซัคสถาน ออกแถลงการณ์ขอให้ประชาชนสนับสนุนรัฐบาลของโทคาเยฟ ทายาทการเมืองที่นาซาร์บาเยฟ “ถ่ายโอนอำนาจผ่านการเลือกตั้ง” เมื่อปี 2562
ส่วนรายงานของกระทรวงมหาดไทยคาซัคสถาน ระบุว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 40 ราย เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และมีการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบมากกว่า 4,000 คน โดยชนวนเหตุของการลุกฮือ มาจากความไม่พอใจราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น แล้วบานปลายกลายเป็นการขับไล่รัฐบาลของโทคาเยฟ ต่อมามีการจับกุมนายคาริม มาสซิมอฟ อดีตประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ ฐานต้องสงสัยเป็นกบฏ และสหรัฐแสดงท่าทีไม่พอใจ ต่อการที่คาซัคสถานขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย.
เครดิตภาพ : REUTERS
