พล.อ.ประยุทธ์สั่งให้ตรวจสอบได้อย่างไร อ้างอิงตามรัฐธรรมนูญฉบับ “เกลียดกลัวประชานิยม” ฉบับนี้ มันเขียนไว้ในหมวดปฏิรูปประเทศ มาตรา 258 วงเล็บสาม ว่า “มีกลไกที่กำหนดความรับผิดชอบของพรรคการเมืองในการประกาศโฆษณานโยบายที่มิได้วิเคราะห์ผลกระทบ ความคุ้มค่า และความเสี่ยงอย่างรอบด้าน”
กล่าวคือนโยบายอะไรที่จะเสนอออกมาจะต้องทำได้จริง และไม่มีผลกระทบต่อภาระการเงินของประเทศ การเขียนมาตรานี้ ณ ขณะนั้นก็เพราะ “ผีจำนำข้าว” ตามหลอกหลอนผู้มีอำนาจอยู่ บอกว่าอยากจัดการประชานิยมให้สิ้นซาก แต่ไปๆ มาๆ โครงการของรัฐบาลก็ประชานิยมเสียเยอะ เอาง่ายๆ ก็ไอ้เรื่องบัตรคนจนกับคนละครึ่ง
ฝ่าย “กองแช่ง” พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็เลยตอบโต้เอาทางเน็ตบ้างว่า ไปตรวจสอบนโยบายคนอื่น แต่พรรคตัวเองทำได้สักอย่างไหม ที่เห็นแชร์กันในโลกออนไลน์ก็เรื่องค่าแรง เรื่องปรับรถเมล์ร้อนให้หมดกรุงแต่ยังมีบางสายวิ่ง กองเชียร์พรรค พปชร. ก็ออกมาแก้ต่างให้ว่าเรื่องรถเมล์มันอยู่กับคมนาคม พรรคภูมิใจไทยโน่น

ส่วน “คุณหญิงหน่อย” ได้ทีออกมาไล่ “บิ๊กตู่” ว่า ถ้าอยากเห็นนโยบายนี้เป็นจริงได้ก็ให้ไปให้พ้นๆ จากตำแหน่งเสีย ถ้า “คุณหญิงหน่อย” ได้เป็นนายกฯ จะทำให้ดูแน่ พร้อมยืนยันว่า เงินจำนวนนี้ทำให้ผู้สูงวัยที่ยากจนมีรายได้พอเพียงต่อการยังชีพ ลดภาระลูกหลาน และต้องเข้าโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพ ให้แข็งแรงกลับมาทำงานเหมาะกับวัยได้
นายพงศกร อรรณนพพร แกนนำพรรค ทสท. ก็ย้ำว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว คืออัตราการเกิดต่ำ ผู้สูงอายุที่พ้นวัยแรงงานมีมากขึ้น แต่รัฐบาลจัดงบไม่ตรงกับโจทย์ทางสังคมและเศรษฐกิจนี้ จากการเป็น กมธ.งบประมาณฯ ปี 64 ก็เห็นว่ารัฐจัดงบแบบกู้เงินมาแจก และนโยบายนี้ไม่ใช่ของทิพย์ เชิญผู้เชี่ยวชาญมาศึกษามากพอ
นายพงศกรแจกแจงว่า วันนี้ประเทศไทยมีคนชราประมาณ 11.6 ล้านคน ใช้งบประมาณจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุประมาณ 9 หมื่นล้านต่อปี ถ้าเพิ่มเป็นบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท จะใช้งบประมาณประมาณ 3.4 แสนล้านบาท เพิ่มจากเดิมประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นลงได้

อีกทั้งเงินที่จ่ายผู้สูงอายุก็ถูกเอาไปใช้จ่ายให้มันหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อีก รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้เพิ่ม ดีกว่าเอาไปซื้ออาวุธ นอกจากนี้ จากที่เห็นการศึกษาของ กมธ.วิสามัญศึกษาการดูแลผู้สูงอายุอยู่ ตัวเลขการดูแลของ กมธ.สูงกว่าที่ ทสท.วางนโยบายไว้เสียด้วยซ้ำ ย้ำว่า พรรคมีนโยบายดีอีกมาก “บิ๊กตู่” คงได้ตกใจอีกหลายรอบแน่นอน
เรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นนโยบายที่แต่ละพรรคต่างก็นำเสนอ ในอัตราที่ต่างกัน ที่สำคัญคือที่มาของเงิน เมื่อก่อนพรรคเพื่อไทยเคยเสนอไว้น่าสนใจว่าให้ใช้ระบบออมเงินผ่านลอตเตอรี่ แนวๆ ว่าถ้าซื้อหวยแต่ถูกกินก็จะมีบันทึกการซื้อเอาไว้ แล้วปันรายได้ส่วนหนึ่งมาเป็นบำนาญ แต่ไม่รู้ว่าที่สุดแล้ววิธีหาเงินนี้จะไปอยู่กับ ทสท.หรือไม่
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ระบุว่า รัฐบาลสนับสนุนแนวทางการออมผ่านกองทุนต่าง ๆ มากกว่า เช่น กองทุนประกันสังคม หรือกองทุนการออมแห่งชาติ โดยระบุว่า นี่คือแนวทางที่ทั่วโลกทำกัน ซึ่งนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุนี้น่าจะเป็นนโยบายที่ขับเคลื่อนกันแรงในการเลือกตั้งที่จะถึง เพราะผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงวัยก็มีมาก
และต่างก็อยากได้รัฐบาลที่รับประกันความมั่นคงในชีวิตว่าไม่อยู่อย่างลำบากตอนแก่.