เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการขายอาหาร ตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปใน จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงราคาเนื้อหมูและไข่ไก่ยังมีราคาแพง ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารทั่วไป ต่างมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และสามารถประคับประคองกิจการไปได้ โดยพบว่ามีการปรับกลยุทธ์บริการอาหารหลายวิธีการ เช่น บางร้านเพิ่มราคาเมนูที่มีส่วนผสมของเนื้อหมูและไข่ไก่จากเดิม 10-20 บาท หลายร้านเลือกที่จะงดเสิร์ฟอาหารที่ปรุงจากเนื้อหมูและไข่ไก่ ในขณะที่มีร้านอาหารตามฤดูกาลผุดขึ้นมากมาย เช่น ที่ร้านตั้งหลัก ในเขตเทศบาลตำบลยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งปรับตัวจากขายร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ที่มีเนื้อหมูและไข่ไก่เป็นหลัก มาเป็นร้านอาหารประจำฤดูกาลแทน ปรับตัวสู้ราคาเนื้อหมูแพง โดยรับซื้ออาหารพื้นบ้านจากชาวบ้าน เช่น ปลาไหล กบ หนูนา และอาหารตามฤดูกาลต่างๆเป็นหลัก

นางสาวธรรศจรส (ทัด-จะ-รด) ภูภาษี อายุ 33 ปี ชาวอ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของร้านตั้งหลัก กล่าวว่า เดิมเปิดร้านอาหารแซ่บอีสานที่กรุงเทพฯ พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 จึงกลับมาอยู่บ้านโดยเปิดร้านอาหารชื่อร้านตั้งหลัก บริการอาหารตามสั่งและอาหารตามฤดูกาล ได้ประมาณ 1 เดือน แรก ๆ ก็ค้าขายดี เนื่องจากร้านใหญ่ ๆ ในตัวเมืองปิดกิจการไป ทำให้ร้านเล็ก ๆ ค้าขายคล่องตัว แต่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดภาวะเนื้อหมูและไข่ไก่ที่จะนำมาปรุงอาหารบริการลูกค้าราคาสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 200 บาท ขณะราคาที่ไข่ไก่ก็สูงหลายเท่าตัว ทำให้ต้นทุนการทำอาหารแต่ละวันสูงขึ้นจนกำไรแทบจะไม่มี

นางสาวธรรศจรส กล่าวอีกว่า พอประสบปัญหาเนื้อหมูและไข่ไก่แพงดังกล่าว จึงลดปริมาณสั่งซื้อ และหันมาเสิร์ฟเมนูอาหารพื้นบ้านเป็นหลัก เช่น เมนูที่ทำจากปลาไหล กบ เขียด หนูนาและอาหารตามฤดูกาลต่าง ๆ เป็นการปรับตัวสู้ราคาเนื้อหมูแพง เปลี่ยนมาเสิร์ฟเมนูพื้นบ้านตามฤดูแทน ซึ่งราคาถูกกว่าเนื้อหมูและไข่ไก่ ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ก็จะมีไข่มดแดง อาหารขึ้นชื่อประจำอีสาน รวมทั้งประเภทแมลงต่าง ๆ ซึ่งจะมีให้ทานปีละครั้งเท่านั้น โดยทางร้านจะรับซื้อจากชาวบ้าน ที่ไปหาตามป่าชุมชนและตามหัวไร่ปลายนา นำมาปรุงเป็นอาหารประจำฤดูกาล ในราคาเริ่มต้นที่ไม่แพง เฉลี่ยชุดละ 80-120 บาท อย่างไรก็ตาม จากการขายอาหารตามฤดูกาล แทนการขายอาหารที่ปรุงจากเนื้อหมูและไข่ไก่ กระแสตอบรับดีมาก ทำให้ทางร้านพออยู่ได้ หากลูกชื่นชอบเมนูอาหารประจำฤดูกาลขอเชิญได้ เปิดให้บริการทุกวัน.
