“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  เปิดเผย ความคืบหน้าของการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการต่อต้านสารกระตุ้น และมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับกฎบัตรขององค์กรต่อต้านสารกระตุ้นโลก (WADA) หรือ วาดา ว่า ล่าสุดได้รับอีเมลจากวาดา แสดงความยินดีว่า ไทยได้แก้ไขข้อปฏิบัติตามกฎบัตรของวาดา แล้ว 

ผู้ว่าการ กกท. เผยอีกว่า ขั้นตอนต่อไปนั้น บอร์ดบริหารวาดา จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมใหญ่ เพื่อหารือที่ประเทศไทยจะถูกปลดจาก “กลุ่มประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามกฎของวาดา” แล้ว โดยไทยจะได้สิทธิในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติได้อีกครั้ง และถูกปลดจากการถูกลงโทษห้ามใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติด้วย ซึ่งกรณีของไทย และอินโดนีเซีย จะถูกพิจารณาในเวลาเดียวกัน คาดว่าไทยจะได้รับการปลดบทลงโทษภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

อย่างไรก็ตามบทลงโทษดังกล่าวยังคงมีผลในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ โดยในรายการนี้จะมีนักกีฬาไทย 4 คน ลงแข่งขันในประเภทสกี ครอสคันทรี แต่ถ้าหากการปลดแบนเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ประเทศไทยจะสามารถเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ได้อย่างเช่น การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ในเดือนเมษายน, ฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2023 รอบคัดเลือก เป็นต้น รวมถึงสามารถใช้ธงชาติไทยในรายการซีเกมส์ 2021, เอเชี่ยนเกมส์ 2022 ได้ตามปกติ

ขณะเดียวกันในเว็บไซต์ของวาดา เมื่อ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา วาดา ได้แถลงปลดล็อก 11 ชาติ พ้นแบนแล้ว ได้แก่ ชุมชนบรัสเซลส์แห่งเบลเยียม (Brussels Community of Belgium), ชุมชนเฟลมิชแห่งเบลเยียม (Flemish Community of Belgium), ชุมชนฝรั่งเศสแห่งเบลเยียม (French Community of Belgium), กรีซ, อิหร่าน, ลัตเวีย, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, สเปน, อุซเบกิสถาน และ มอนเตเนโกร แต่ขณะเดียวกันวาดา ชี้ว่า เกาหลีเหนือ, อินโดนีเซีย และไทย ยังอยู่ในกระบวนการคืนสถานะอยู่

ขณะที่ข่าวล่าสุดจากสภาโอลิมปิกเอเชีย (OCA)  แจ้งว่าอินโดนีเซียได้รับเลือกชั่วคราวจากคณะกรรมการสหพันธ์กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ (APSF)ให้เสียบแทนเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ หรือกีฬาซีเกมส์ของคนพิการ ในเดือนก.ค.นี้ เนื่องจากอินโดนีเซียมั่นใจว่าจะปลดล็อกโทษแบนจากวาดา ไม่เกินวันที่ 15 ก.พ.นี้ สอดคล้องกับการเปิดเผยของ “บิ๊กก้อง”