เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน สรุปศบค.มีมติดังนี้

(1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม) ปรับเป็นไม่มี

(2) พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ปรับเป็นไม่มี

(3) พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 68 จังหวัด ปรับเป็น 44 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง เพชรบุรี มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี

(4) พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมไม่มี ปรับ 25 จังหวัด ประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี

(5) พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ไม่มี

(6) พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) เป็น 8 จังหวัดเหมือนเดิม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานีพังงา และภูเก็ต

(7) ที่ประชุม ศบค. ปรับมาตรการการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมบริโภคได้ถึงเวลา 21.00 น. ปรับเป็นไม่เกิน 23.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.65 เป็นต้นไป

(8) ศบค.ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 สำหรับทุกพื้นที่ อาทิ ไม่ขยายเวลา work from home ให้เป็นไปตามความเหมาะสมและการพิจารณาของหน่วยงาน

(9) ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 16 ที่อีก 2 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. – 31 มี.ค. 2565.