เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข กระทรวงยุติธรรม ​ว่าที่ร้อยตรี​ ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์​ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับหนังสือร้องเรียนจากชาวบ้านเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น 37 ราย กรณีตกเป็นผู้ต้องหาฝ่าฝืน​ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังชุมนุมคัดค้านการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64

โดยเนื้อหาในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า พวกตนทั้ง 37 คน​ ไม่ได้กระทำผิดตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องการลุกขึ้นปกป้องบ้านเกิดทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเท่านั้น การถูกดำเนินคดีที่กรุงเทพฯ เป็นการสร้างความยากลำบากให้แก่ข้าพเจ้าทั้งหมด เนื่องจากพวกตนมีภูมิลำเนาอยู่ใน​ จ.สงขลา และ​ จ.สตูล มีระยะทางในการเดินทาง 1,000 กว่ากิโลเมตร ประกอบกับส่วนใหญ่มีฐานะลำบาก​ หากจะต้องเดินทางมาต่อสู้คดีที่กรุงเทพฯ

จึงขอความช่วยเหลือทางคดีและขอให้สั่งการให้คณะกรรมการกองทุนยุติธรรม พิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่ายในการถูกดำเนินคดี ทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ตลอดจนหลักทรัพย์ประกันกรณีการขอปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้เกิดการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่ประชาชนที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ อีกทั้งพวกเรามีภาระในการต้องดูแลบุคคลในครอบครัว​ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมจะทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างยิ่ง

ว่าที่ร้อยตรี​ ธนกฤต เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมยินดีช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและหลักของกฎหมายขั้นพื้นฐานที่ประชาชนสมควรจะได้รับ โดยกองทุนยุติธรรมจะเข้าไปดูแลเยียวยาค่าใช้จ่ายให้ แต่ต้องผ่านหลักเกณฑ์จากคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมก่อน จากการดูข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่าชาวบ้าน 37 คน อาจจะเข้าเงื่อนไขของการช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ได้แก่ เงินประกันตัวจากกองทุนยุติธรรม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่อสู้คดี (ค่ารถโดยสารประจำทางให้นำใบเสร็จมายื่น) ค่าที่พักวันละ 500 บาท และค่าใช้จ่ายในการถ่ายเอกสาร รวมถึงหากจะร้องขอทนายความเพื่อสู้คดีทางกระทรวงยุติธรรมก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยยืนยันจะเร่งนำเรื่องเข้าที่ประชุมเพื่อพิจารณาโดยเร็วอย่างที่สุด ส่วนเรื่องคดีความที่ชาวบ้านทั้ง 37 ราย ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก็ต้องไปสู้กันต่อ ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องตัดสิน ตนไม่สามารถไปก้าวล่วงได้