จากกรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทุกภาคส่วนกำลังเร่งช่วยกันแก้ไข ซึ่งคราบน้ำมันถูกคลื่นซัดประชิดชายหาดห่างจากฝั่งเพียง 4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่นำบีชบูม ยาวกว่า 350 เมตร ตามแนวชายหาดข้างท่าเทียบเรือ ไออาร์พีซี ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อกันคราบน้ำมันทะลักเข้าสู่ชายหาด ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

เกี่ยวกับความคืบหน้า เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 28 ม.ค. นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง พร้อมด้วย นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รอง​ ผวจ.ระยอง นายธวัช เจนการ หน.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด และนายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ บริษัท SPRC ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด ที่กำลังขนบีชบูมมาสกัดคราบน้ำมัน บริเวณชายหาดก้นอ่าว-แม่รำพึง หมู่ 1 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ความยาวประมาณ 400 เมตร

นายชาญนะ กล่าวว่า เดินทางมาตรวจ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคณะทำงาน ส่วนเรื่องน้ำมันจะเข้าหรือไม่ตอนไหน ยังคงตอบไม่ได้ แต่มีการเตรียมพร้อมรับมือแล้ว จากภาพถ่ายดาวเทียม ที่กระจายไปวงกว้าง จะเห็นว่าที่เหลือเป็นแค่ฟิล์มบางๆ ที่ยังมีระยะห่างจากฝั่งประมาณ 4 กิโลเมตร จึงมีการป้องกันไว้ก่อน โดยการวางบีชบูมสกัดเพื่อไม่ให้น้ำมันเข้าสู่ชายฝั่ง ฝากชาวบ้านอย่าตื่นตระหนกและเชื่อข่าวลือ

ด้านนายไพรัตน์ กล่าวว่า ตนเองในฐานะลูกประมง ซึ่งรู้เกี่ยวกับทิศทางลม ซึ่งในฤดูกาลนี้ ลมจะไม่รุนแรง ต่างกับครั้งก่อนที่เป็นช่วงมรสุมจึงเข้ามาเร็ว สำหรับคราบน้ำมันที่ใกล้ฝั่งในขณะนี้ จากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญ คาดว่าเข้ามาถึงฝั่งแน่ภายในคืนนี้ นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเกี่ยวทรัพยากรทางทะเล ที่ได้รับผลกระทบแน่ เพราะคราบน้ำมันถึงจะกำจัดอย่างไร ก็จะยังคงเหลือและจมลงสู่ก้นทะเล สัตว์ทะเลย่อมอยู่ไม่ได้ ความเดือดร้อนก็จะตกกับชาวประมง กลุ่มประมงเรือเล็ก รวมไปถึงการท่องเที่ยว

นายธวัช กล่าวว่า จากการดำน้ำตรวจสอบในพื้นที่ของอุทยานฯ ยังไม่พบคราบน้ำมันเข้ามา ซึ่งทางอุทยานฯ ในฐานะเจ้าของพื้นที่ได้สนับสนุนอำนวยความสะดวกให้กับคณะทำงาน ส่วนเรื่องคดี หากมีคราบน้ำมันเข้ามาก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป

พลเรือโทพิชัย ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่​ 1/ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่​ 1 กล่าวหลังการประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีน้ำมันรั่วกลางทะเล ที่ห้องประชุมสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง ว่า จากการสำรวจตรวจสอบทางอากาศ ทางภาคพื้นน้ำ คำนวณได้ว่ากระแสน้ำจะพัดพาคราบน้ำมันไปถึงบริเวณหาดก้นอ่าว-แม่รำพึง ในเวลาประมาณ 22.00 น.​ ของวันนี้ ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งศูนย์วอร์รูม บัญชาการอยู่ที่บริเวณเขาแหลมหญ้าแล้ว

พลเรือโทพิชัย กล่าวต่อว่า ฝ่ายแผนและกลยุทธ์ ฝ่ายปฏิบัติการ ซึ่งมีทั้งทางน้ำและชายฝั่ง และฝ่ายสนับสนุน โดยบูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนอื่นๆ เพื่อทำการรับมือเหตุการณ์ในครั้งนี้ วงรอบในการทำงานจะมี ทั้งการวางแผนชี้แจงการปฏิบัติกลยุทธ์ต่างๆ พร้อมทั้งรวบรวมและสรุปผลในการปฏิบัติต่างๆ​ เครื่องมือที่ใช้ในทะเล​ ได้แก่ เรือจำนวน 12 ลำ เป็นเรือของกองทัพเรือ หน่วยงานราชการต่างๆ และเรือของภาคเอกชนปฏิบัติงานร่วมกับอากาสยานของกองทัพเรือ เพื่อให้ได้ภาพสถานการณ์ของคราบน้ำมันที่รั่วไหลในทะเล เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์กำหนดตำบลที่ และแนวโน้มการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์ในการกักเก็บสเปรย์สารเคมีขจัดคราบน้ำมัน และปรับเปลี่ยนทิศทางไม่ให้คราบน้ำมันเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งการเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บคราบน้ำมัน บริเวณชายหาดจะมีกำลังพลจากหน่วยต่อสู้อากาศและรักษาฝั่ง ปภ.จังหวัดระยอง องค์กร มูลนิธิ และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่จังหวัดระยอง รวมทั้ง หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 500 นาย.