ยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนสนใจอย่างมากมายสำหรับเรื่องราวของอดีต พส.คนดัง ที่ลาสิกขาออกมาเป็นคนธรรมดาอย่าง ทิดไพรวัลย์ หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ที่จู่ๆก็ขอประกาศยุติบทบาทพิธีกรนินทาประเทศไทย ก่อนเดินออกกลางรายการ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ต่างๆมากมายที่พุ่งใส่ทิดไพรวัลย์รวมถึงกระแสความนิยมก็ลดลง ซึ่งทางด้าน “น้าเน็ก” ได้ไลฟ์สดบอกคุณชนะ พร้อมขอโทษ “ทิดไพรวัลย์” ลั่นเป็นคาทอลิกแต่กราบมาตลอด ก่อนเชือดนิ่มๆ มีชื่อเสียง มีหลักมีฐานพอ ไม่จำเป็นต้องเกาะกระแสใครดัง

ภายหลังจากที่ “น้าเน็ก” ได้ออกมาไลฟ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ทางด้านโลกออนไลน์ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยส่วนใหญ่ต่างวิจารณ์การออกมาโต้กลับของน้าเน็ก โดยบอกว่า การที่ลาก “ทิดไพรวัลย์” ออกมานั่งฟังคนที่มาวิจารณ์ตนเองอย่างหนักหน่วงนั้น เหมือนลากเขามาตบกลางสี่แยก อีกทั้งทีมงานก็บอกว่ามีการแจ้งเรื่องการถอนตัวแล้ว แต่ “น้าเน็ก”กลับแสดงอาการตกใจเหมือนไม่เคยรับรู้เรื่องราวมาก่อน และนี่แหละคือวงการมายา

อย่างไรก็ตาม สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น ชาวเน็ตต่างพร้อมใจกันติดแฮชแท็ก #น้าเน็ก จนขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ พร้อมทั้งยังมีการใช้ #ไพรวัลย์ ที่กลับมาขึ้นเทรนด์อีกครั้งด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทิดไพรวัลย์ วรรณบุตร นิมนต์ พระมหานภันต์ หนึ่งใน 4 พส. มาเทศน์สอน โดยก่อนเริ่มต้นทางทิดไพรวัลย์ บอกว่า อาการผมกำลังสู่ขิต ให้พระอาจารย์มาเทศน์สั่งสอนให้แง่คิดผม สัญญาจะไม่ลุกจากเก้าอี้ไปไหน พร้อมกับแซวตัวเองว่า ตอนนี้เป็นคนบาปอยู่ใกล้ผ้าเหลืองก็จะร้อนหน่อย เผยความรู้สึกดีที่อยู่ใกล้พระอาจารย์ เมื่อเสียอะไรบางอย่างรู้สึกดีที่ได้อะไรบางอย่างกลับมา และบางอย่างที่ได้มาคุ้มค่ากับบางอย่างที่ได้เสีย

ผมเสียพื้นที่ เสียยอดฟอลโลว์ เสียยอดติดตาม เสียคนเคยชื่นชมรักใคร่ เสียอะไรต่างๆไป แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ผมได้คือกำลังใจจากคนที่ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาดีกับผมจริงหรือเปล่า เขาเป็นมิตรกับผมมากน้อยแค่ไหน ในวันที่ผมโดนกระหน่ำโดนยำ คนส่วนใหญ่มีความรู้สึกพร้อมจะยำไปด้วย ผมรู้สึกอย่างนั้นเพราะผมโดนเอง คนที่ผมไม่คิดว่าเขาจะยำผมก็ยำผม คนที่คิดยำผมเขาก็ยำผม มันขึ้นอยู่กับไทม์มิ่ง หรือช่วงเวลา ไม่โทษว่าสิ่งที่เขาทำคือความผิด เขาอาจจะอยากหาโอกาสจะยำมานานแล้วไม่มีโอกาส เป็นบทเรียนของผม  

ในห้วงเวลาที่เราดิ่งลงยังมีคนคอยหนุนเราไว้ แค่ยกมือเอามารองเรา เราก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างมา support เรา เพราะแทนที่เราจะล้มไปเจอเหว หรือหินตรงๆ มันก็ยังมีฝ่ามือของใครบางคนมารับหลังเราไว้ ทำให้ความเจ็บไม่เยอะเท่าที่ควรจะเป็น และชอบคำว่าหนุนใจมาก ในวันที่ใจเราใกล้จะแตกสลาย ยังมีคนประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ที่เอามือมาหนุนหัวใจผมไว้ มาอุ้มหัวใจผมไว้

ขณะที่ พระมหานภันต์ กล่าวว่า คนรักน้องมีเยอะย่อมมีคนไม่ชอบ ขอเป็นอีกหนึ่งคนที่หนุนใจด้วย น่าจะมีมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ น่าจะมีคนอีกจำนวนมาก จะสังเกตว่าข้อความไม่ได้เขียนมาให้กำลังใจตรงๆ แต่ถ้าอ่านก็จะรู้ ในแง่นี้ก็เป็นเบื้องต้นให้เราได้คิด

ไพรวัลย์ยังได้ขอให้พระมหานภันต์ เคาะหัวเรียกสติ ซึ่งพระมหานภันต์ได้นำหนังสือธรรมะเคาะหัวไพรวัลย์ ให้ธรรมะให้ใคร่ครวญก่อนจึงทำจึงพูด

นอกจากนี้ พระมหานภันต์ ได้ยกคำสอนต่างๆมาสอน ทิดไพรวัลย์ โดยเจ้าตัวมีท่าทีสงบลง และเห็นด้วยกับคำสอนที่บอกว่า บางทีมองมุมตัวเองเราเป็นมนุษย์ที่พยายามปกป้องตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครมารังแก แต่วิธีปกป้องไม่ละเอียดพอ กลายเป็นทำร้ายตัวเองซ้ำไปอีก

นอกจากนี้ทางทิดไพรวัลย์ ได้บอกว่าสมัยเด็กถูกบูลลี่หนักกระทั่งลืมว่าตัวเองชื่อเอก เพราะโดนเรียกเณรมืด เณรดำ รู้สึกถ้าไม่ปกป้องตัวเอง โดนปารองเท้าใส่ เคยเขียนเล่าในหนังสือ ไม่ใช่ปกป้องไม่ได้ แต่วิธีคิดว่ายอมไม่ได้ ยอมไม่ได้ กลายเป็นพลังมืด และก็ยอมรับว่าเหนื่อย โลกฆราวาสซับซ้อนยุ่งยาก พร้อมกับ ขอบคุณพระอาจารย์ที่มาสอนเป็นประโยชน์กับทุกคน จะเก็บไลฟ์นี้ไว้ วันไหนเฟล เศร้า ขาดสติ จะเปิดไลฟ์นี้ฟัง ไม่อยากแก้ตัวหรือยังมั่นอยู่ ขอบคุณคนที่ยังเลือกติดตามผมอยู่

พระมหานภันต์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า บัณฑิตต่างกับคนพาล บัณฑิต นักปราชญ์ได้รับการตักเตือนจะปรับปรุง แต่คนพาลจะเพ่งโทษอย่างเดียว ขอให้น้องใช้กำลังเพ่งพินิจพิจารณาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม