เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว ต.หนองกลับ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคม. ตำรวจ บก.รฟ. ตำรวจ บก.ปอท. ตำรวจ บก.ทล. รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ “ปราบผีเปรต” ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ​ เพิ่มเติม รวมถึงตามอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน ไปเป็นของตนเอง มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว

อายัดเงินกว่า60ล.คนสนิท ‘หลวงพ่อพัฒน์’ เร่งสอบเส้นทางคลายปมสงสัยศิษย์

หอบเงิน 63 ล้าน มอบคืน ‘วัดห้วยด้วน’ ตามยึดได้จาก ‘กลุ่มไวยาวัจกร’

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์​ (พัฒน์​ ปญฺญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. จะนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่าในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท​ ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือ สร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือนำไปเก็บไว้ที่ใด​ เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าทั้ง 3 ราย มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัดเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คน​ มาทำการสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย​ และนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมรวมถึงตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 3 ราย มาทำการตรวจสอบที่ไปที่มาให้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินวัดส่วนที่หายไปหรือไม่

นอกจากนี้จากการปฏิบัติการดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังได้ประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สส.ภ.จว.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะ มาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย เพื่อนำมาใช้สแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ ของบริเวณบ้าน โดยเฉพาะพื้นดิน.