เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้สำรวจข้อมูลจำนวนนักเรียนที่ประสงค์ฉีดวัคซีน ช่วงอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี จำนวนนักเรียนทั้งหมด 5,254,366 คน ประสงค์ฉีด 3.18 ล้านคน คิดเป็น 61% ไม่ประสงค์ฉีด 2.07 ล้านคน คิดเป็น 39% โดยแยกเป็นรายภาค ดังนี้ 

ภาคเหนือ ประสงค์ฉีด 61% ของภาค ภาคอีสาน ประสงค์ฉีด 59% ของภาค ภาคตะวันออก ประสงค์ฉีด 62% ของภาค ภาคตะวันตก ประสงค์ฉีด 57% ของภาค ภาคกลาง ประสงค์ฉีด 66% ของภาค ภาคใต้ ประสงค์ฉีด 55% ของภาค ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ประสานข้อมูลร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ในการจัดระบบการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนด้วยความเรียบร้อย

ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สิ่งสำคัญตนได้ย้ำไปยังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ด้วยว่า อยากให้มีการให้ความรู้และประชาสัมพันธ์เรื่องการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ปกครองได้เข้าใจถึงตัววัคซีนแต่ละสูตรว่ามีผลข้างเคียงหรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง เช่น สูตรวัคซีนเข็ม 1 และ 2 ของไฟเซอร์ เมื่อเด็กเล็กฉีดแล้วจะป้องกันได้มากน้อยแค่ไหน และสร้างระดับภูมิคุ้มกันได้มากน้อยแค่ไหน เป็นต้น อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้พิจารณาขยายขอบเขตการใช้วัคซีนสำหรับอายุ 6 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องมีการปรับขนาดยาของวัคซีนซิโนแวค ที่นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และวัคซีนซิโนฟาร์ม นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ดังนั้นในส่วนนี้สธ.จะต้องเร่งทำความเข้าใจให้ผู้ปกครองได้รับทราบด้วยเช่นกัน รวมถึงในเร็วๆ นี้ ศธ.ก็จะดำเนินการสำรวจเด็กนักเรียนอายุ 6 ปีขึ้นไป ที่ประสงค์อยากจะฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายด้วย