เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ระบุว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอความร่วมมือให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยกันรักษาองค์ประชุมสภาฯ สะท้อนว่าระดับความเป็นเอกภาพของรัฐบาลแย่มาก ถึงขั้นนายกฯ ต้องเอ่ยปากขอเองว่า ไม่อยากให้นายสุทินคิดแบบคนใจแคบ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกัน ย่อมต้องปรึกษาหารือและขอความร่วมมือเป็นนำ้หนึ่งใจเดียวกันเป็นธรรมดา คงไม่เหมือนกับพรรคเพื่อไทย ที่คนๆ เดียวสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตามใจ ซึ่งที่ผ่านมาท่านนายกฯ ก็ขอความร่วมมือจากคณะรัฐมนตรีในเรื่องที่สำคัญๆ อยู่หลายครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ฝ่ายค้านเห็นว่าสามารถเอาเรื่องนี้มาขยายผล สร้างให้เป็นประเด็นได้ จึงหยิบยกขึ้นมาเพื่อหวังจะดิสเครดิตรัฐบาลก็เท่านั้นเอง
นายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า ช่วงเดือน เม.ย.ถึง พ.ค. ถือเป็นแดนประหารของรัฐบาล เพราะขณะนี้รัฐบาลสามารถรักษาอำนาจได้ แต่บริหารงานไม่ได้นั้น หากนายพิธาคิดแบบหลอกตัวเอง เข้าข้างตัวเองเพื่อให้ตัวเองสบายใจก็ไม่ว่ากัน เพราะในความเป็นจริงแล้วพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเหนียวแน่น การทำงานนั้นบางเรื่องอาจจะมีความเห็นต่างกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ทำงานร่วมกัน แต่เมื่อพูดคุย อธิบาย ทำความเข้าใจกันแล้วทุกอย่างก็จบ อย่างไรก็ตาม
“หากนายพิธาคิดว่าวิธีนี้จะช่วยโหมโรงศึกอภิปรายได้นั้น ตนคิดว่านายพิธาคิดผิด สู้เอาเวลาไปหาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาอภิปรายให้ได้อย่างที่โม้เอาไว้ยังจะดีกว่า หรืออย่างน้อยก็ให้ประชาชนได้เห็นว่าฝ่ายค้านทำงานในสภาฯ อย่างจริงจังบ้าง ไม่ใช่หวังแต่จะยืมมือม็อบบนถนนล้มรัฐบาลลูกเดียว เพราะถ้ายังคิดแบบเดิมๆ สุดท้ายสภาจะกลายเป็นลานประหารฝ่ายค้านเสียเอง วันนี้ประชาชนเห็นไส้เห็นพุงนายพิธาหมดแล้ว วันๆ ไม่ได้สนใจงานสภา จ้องแต่จะหาโอกาสสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง ให้น้ำหนักกับเนื้อหาการทำงานน้อยกว่าการเล่นเทคนิคทางการเมือง โดยไม่สนว่าสร้างความเสียหายให้กับประเทศขนาดไหน คนแบบนี้หรือที่อยากจะเข้ามาบริหารประเทศ หวังที่จะให้ประชาชนฝากอนาคตด้วย” นายธนกร กล่าว.