วันที่ 15 ก.พ. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบแนวทางการดำเนินงานส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี โดยจะมีทั้งมาตรการด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี ระหว่างปี 65-68 โดยมาตรการทางด้านภาษี เช่น กรณีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทบีอีวี (BEV) ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคันปี 65-66  กรณีอากรไม่เกิน 40% ได้รับการยกเว้น

ส่วนกรณีอากรเกิน 40% ลดอากรลงอีก 40% และปรับลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งบีอีวีจาก 8% เหลือ 2% ในปี 65-68 เป็นต้น และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี โดยได้เงินอุดหนุน 70,000 บาทต่อคัน ขนาดแบตเตอรี 10 กิโลวัตต์ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนรถยนต์ขนาดแบตฯ 30 กิโลวัตต์ขึ้นไป จะได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน

ขณะที่กรณีรถยนต์นั่งที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ประเภทบีอีวีที่มีราคาขายปลีกแนะนำมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยในปี 65-68 ให้ปรับลดอากรนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน กรณีมีอัตราอากรไม่เกิน 20% ให้ได้รับการยกเว้นอากร และกรณีอัตราอากรเกิน 20% ให้ลดอัตราอากรลงอีก 20% และปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งประเภทบีอีวี จากเดิม 8% เหลือ 2%ในปี 65-68 เป็นต้น

สำหรับกรณีรถยนต์กระบะ ประเภทบีอีวี ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้เงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน เฉพาะ รถยนต์กระบะที่ผลิตในประเทศ และมีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป

ส่วนกรณีรถจักรยานยนต์ประเภทบีอีวี ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 150,000 บาท กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต ตามมูลค่า 1% สำหรับรถจักรยานยนต์ประเภทบีอีวีให้เงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคันครอบคลุมทั้งกรณีที่ผลิตในไทยและการนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน

นอกจากนี้ เห็นชอบให้การผลิตหรือประกอบรถยนต์ไฟฟ้า ในเขตปลอดอากร หรือ เขตประกอบการเสรีในปี 65-68 โดยอนุมัติให้มีการนับมูลค่าของเซลล์แบตเตอรี่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ สำหรับการนำมาผลิตแบตเตอรี่ และนำไปผลิตหรือประกอบเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในเขตดังกล่าว รวมเป็นต้นทุนการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศ สำหรับการคำนวณมูลค่าเพิ่มในประเทศได้ไม่เกิน 15% ของราคายานยนต์ไฟฟ้า หน้าโรงงานเพื่อส่งเสริมการลงทุนใหม่ ให้เกิดขึ้นในประเทศ

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิต หรือ ประกอบภายในประเทศ เห็นควรให้ใช้ชิ้นส่วนที่มีการนำเข้าในช่วงเวลาปี 65-68 ประกอบด้วย แบตเตอรี่ Traction Motor คอมเพรสเซอร์สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ ระบบควบคุมการขับขี่ On-Board Charger PCU inverter DC/DC Converter และ Reduction Gear รวมทั้งส่วนประกอบของชิ้นส่วนดังกล่าว ให้ได้รับสิทธิยกเว้นอากรขาเข้าตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนด พิกัดอัตราศุลกากร ปี 30

นายธนกร กล่าวว่า ได้เห็นชอบในหลักการขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 65 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3,000 ล้านบาท ให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และเห็นชอบในหลักการจัดหาแหล่งงบประมาณในปีงบประมาณ 66-68 วงเงิน 40,000 ล้านบาท จากแหล่งงบประมาณที่เหมาะสม รวมทั้งอนุมัติเป็นหลักการให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องคืนเงินสำหรับผู้รับสิทธิตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น

“ครม.ได้เห็นชอบในภาพรวม แต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่าราคาขายรถยนต์อีวีจะลดลงเท่าไร โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปดูรายละเอียดต่างๆอีกครั้งและได้ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. กับสำนักงบประมาณไปดูเงิน 40,000 ล้านบาท ว่าจะจัดหามาจากแหล่งใดด้วย”