สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่ากระทรวงการต่างประเทศของจีนเผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ ระหว่างนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรมว.การต่างประเทศของรัฐบาลปักกิ่ง กับนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ โดยจีนกล่าวอย่างตรงไปตรงมากับสหรัฐ ว่าไม่ควรนำไต้หวัน “ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจีน” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก
SC&FM WangYi has a phone call w/ his US counterpart Antony Blinken, referring to the #IndoPacificStrategy & its strategy on #Taiwan issues, Wang said it sent a wrong signal of containment against China & urged the US to take concrete actions to reflect the commitments. pic.twitter.com/ny7gFF2dae
— Ambassador Deng Xijun (@China2ASEAN) February 22, 2022
ทั้งนี้ รัฐบาลวอชิงตันเผยแพร่เอกสารที่เรียกว่า “ภาพรวมด้านนโยบายยุทธศาสตร์” ความยาว 12 หน้า เมื่อต้นเดือนนี้ มีเนื้อหาสำคัญว่าด้วยการที่ รัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับ “ทุกองค์ประกอบ” ที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่เอเชียใต้ไปจนถึงกลุ่มประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก
.@SecBlinken: Our Indo-Pacific Strategy is built on collaboration with our allies and partners across the Indo-Pacific and beyond. Together, we will tackle today's greatest issues including the climate crisis, global health, and the future of technology. pic.twitter.com/rGWhoafkHP
— US Mission to ASEAN (@USMission2ASEAN) February 20, 2022
เนื้อหาในเอกสารระบุอย่างตรงไปตรงมาว่า จีนพยายามแสวงหาหนทางก้าวขึ้นสู่การเป็น “มหาอำนาจหมายเลขหนึ่ง” ผ่านการขยายอิทธิพลแบบผสมผสาน ระหว่างเศรษฐกิจ การทูต กับการทหาร และเทคโนโลยี ในทุกประเทศแถบอินโด-แปซิฟิก โดยระบุอย่างตรงไปตรงมาถึงไต้หวัน นอกจากนั้น ยังมีไทยและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นสองประเทศที่มีการลงนามในสนธิสัญญาการเป็นพันธมิตร ส่วนอินโดนีเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญในระดับภูมิภาค.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES