สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่าสภาแห่งชาติของยูเครนมีมติเมื่อคืนวันพุธ อนุมัติคำร้องของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 24 ก.พ. มอบอำนาจให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน การห้ามชุมนุม และการแบนพรรคการเมือง ตลอดจนองค์กรแห่งใดก็ตาม เพื่อรักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคง และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม
Ukraine will introduce a nationwide state of emergency in which special restrictions will apply to keep the country calm and protect its economy amid fears of a Russian invasion, Oleksiy Danilov, the country’s top security official, said https://t.co/4bMheMDAAL pic.twitter.com/ib72nu9fuO
— Reuters (@Reuters) February 23, 2022
อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลครอบคลุมเขตโดเนตสก์ และเขตลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาส หรือภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศรับรองสถานะการเป็นดินแดนอิสระ ในรูปแบบของ “สาธารณรัฐ” และสถาปนาความสัมพันธ์ที่เน้นไปทางความมั่นคง
#Moscow orders evacuation of its diplomats from #Ukraine pic.twitter.com/fQ9uUMgVEC
— Ruptly (@Ruptly) February 23, 2022
ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ผู้นำของสาธารณรัฐโดเนตสก์ และสาธารณรัฐลูฮันสก์ ต่างยื่นคำร้องโดยตรงมายังทำเนียบเครมลิน เพื่อขอความสนับสนุนทางทหาร เนื่องจาก “การเคลื่อนไหวอันก้าวร้าวของกองทัพยูเครน” โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ประกาศกฤษฎีกา ให้พลเมืองชายอายุ 18-60 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองหนุนนาน 1 ปี

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเสร็จสิ้นการถอนเจ้าหน้าที่การทูตทั้งหมดออกจากยูเครน เมื่อวันพุธ โดยมีการเชิญธงชาติลงจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลทุกแห่ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากรัฐบาลเคียฟไม่สามารถปฏิบัติตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือขั้นพื้นฐานของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รวมถึงการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับทรัพย์สินและบุคลากรการทูตได้.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES