สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ว่าสภาแห่งชาติของยูเครนมีมติเมื่อคืนวันพุธ อนุมัติคำร้องของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี โดยให้มีผลบังคับใช้ทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 24 ก.พ. มอบอำนาจให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชน การห้ามชุมนุม และการแบนพรรคการเมือง ตลอดจนองค์กรแห่งใดก็ตาม เพื่อรักษาผลประโยชน์ด้านความมั่นคง และเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม


อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลครอบคลุมเขตโดเนตสก์ และเขตลูฮันสก์ ในภูมิภาคดอนบาส หรือภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศรับรองสถานะการเป็นดินแดนอิสระ ในรูปแบบของ “สาธารณรัฐ” และสถาปนาความสัมพันธ์ที่เน้นไปทางความมั่นคง


ด้านนายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ผู้นำของสาธารณรัฐโดเนตสก์ และสาธารณรัฐลูฮันสก์ ต่างยื่นคำร้องโดยตรงมายังทำเนียบเครมลิน เพื่อขอความสนับสนุนทางทหาร เนื่องจาก “การเคลื่อนไหวอันก้าวร้าวของกองทัพยูเครน” โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ประกาศกฤษฎีกา ให้พลเมืองชายอายุ 18-60 ปี ขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองหนุนนาน 1 ปี

ตำรวจยูเครนตรึงกำลังหน้าสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำกรุงเคียฟ หลังเจ้าหน้าที่การทูตทั้งหมดของรัฐบาลมอสโกเดินทางออก


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเสร็จสิ้นการถอนเจ้าหน้าที่การทูตทั้งหมดออกจากยูเครน เมื่อวันพุธ โดยมีการเชิญธงชาติลงจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลทุกแห่ง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากรัฐบาลเคียฟไม่สามารถปฏิบัติตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือขั้นพื้นฐานของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่รวมถึงการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับทรัพย์สินและบุคลากรการทูตได้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES