เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. แถลงผลการจับกุม นายฮาร์มาน อายุ 29 ปี สัญชาติอินเดีย หลังก่อคดีปล้นฆ่า ค้ามนุษย์ ร่วมถึงลักพาตัวเรียกค่าไถ่ และการฟอกเงิน โดยหลบหนีเข้ามาประเทศไทย ทั้งนี้ ทางการอินเดียได้ออกหมายจับและได้รับการประสานจากตำรวจสากล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามหมายจับแดง

โดยการสืบสวนของตำรวจ ตม. พบว่า นายฮาร์มาน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อเดือน มิ.ย. 62 และอาศัยอยู่ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยจับกุมตัวได้หน้าร้านขายของสะดวกซื้อ ถนนพัทยาเหนือ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุดจำนวน 448 วัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำส่งเจ้าพนักงานสวบสวนดำเนินคดีในประเทศเมื่อสิ้นสุด จะส่งตัวไปยังประเทศต้นทาง

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า จากการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหารายนี้ ยังไม่พบการกระทำความผิดในประเทศ แต่ได้มีการติดต่อกับเพื่อนร่วมชาติที่มีอิทธิพล เพื่อสั่งการให้มีการกระทำผิดในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นไปได้ว่า หากปล่อยไว้ จะมีการก่อความผิดในประเทศไทย แต่ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหารายนี้ไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับผู้เสียชีวิตจากเหตุยิงถล่มชายเชื้อสายอินเดีย ถือหนังสือเดินทางแคนาดาในจังหวัดภูเก็ต

นอกจากนี้ ทาง กก.สส.บก.ตม.1 ได้จับกุมนายเจมส์ ชาวอังกฤษ ซึ่งเคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “มีอาวุธไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธไปในเมืองฯ และถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไว้ โดยผู้ต้องหารายนี้ได้เข้ามาในประเทศ ด้วยหนังสือเดินทางของประเทศอิสราเอล หลังได้รับสัญชาติ ชุดสืบสวนจึงได้ทำการติดตามจับกุมพร้อมกับพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้วยลายนิ้วมือและใบหน้าจากระบบ Biometrics ก่อนทำการผลักดันออกไป

ขณะที่ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวถึง การดูแลความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หลังเกิดการใช้กำลังทหารระหว่างประเทศรัสเซีย กับ ประเทศยูเครน ว่าตอนนี้ในระดับนโยบายยังอนุญาตให้บุคคลจากทั้ง 2 ชาติ เข้ามาภายในประเทศไทยได้ โดยทางตำรวจ ตม. จะคอยติดตามการข่าวความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ไม่พบความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่ผิดปกติ หรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจากบุคคลทั้ง 2 ชาติ

ส่วนการตรวจสอบสถานะบุคคลคนต่างชาติที่พักอาศัยในประเทศไทยนั้น ยอมรับว่าหลังจากเกิดคดียิงถล่มผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศแคนาดาในจังหวัดภูเก็ต ทาง ตม. ได้มีการประชุมหารือในประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดแนวทางการตรวจสอบสถานะบุคคลต่างด้าวในประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต สำหรับสถานการณ์ภายนอก ทราบมาว่าทางกรมการกงสุลไทย ได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในยูเครนให้อยู่ในที่พัก เพื่อป้องกันอันตรายและผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว.