เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ลูกสาม แร้วงัย ได้โพสต์เหตุการณ์ของคนในครอบครัวที่ต้องมาสูญเสียคนที่รัก โดยเนื้อหาในคลิประบุว่ามีชายอายุ 27 ปี ทราบชื่อต่อมาคือ นายจักรกฤษณ์ ศุขเสมอ หรือท็อป นั่งยองๆ อยู่หน้ารถหกล้อ โดยใส่หูฟังอยู่ สักพักหนึ่งรถสิบล้อที่อยู่ด้านหลังชายคนดังกล่าวก็ค่อยๆ ถอยหลังมาชนอัดเข้ากับด้านหน้ารถหกล้อ แล้วจากนั้นก็มีชายอีกคนหนึ่งวิ่งไปบอกคนขับให้หยุดรถ ทำให้นายจักรกฤษณ์ สามารถคลานออกมาจากหน้าตัวรถมานอนอยู่ด้านข้างรถ ก่อนที่จะมีคนโทรฯแจ้งให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล แต่ก็มาสิ้นใจไปก่อนจะถึงโรงพยาบาล ทางญาติ ๆ ได้นำร่างมาสวดบำเพ็ญกุศลที่วัดดอนตะโก อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นเวลา 5 คืน และจะเผาร่างในวันที่ 24 ก.พ. 65

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดดอนตะโก ที่บริเวณศาลาวัด บรรดาญาติของนายจักรกฤษณ์ ก็กำลังจัดของเพื่อเตรียมพิธีฌาปนกิจศพ ก่อนที่จะเข้าไปพูดคุยกับนางสุวรรณ สุขสมบูรณ์ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายจักรกฤษณ์ และนางสาวจุฑาภา อยู่กลัด อายุ 25 ปี ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ จากการพูดคุยเบื้องต้นทราบว่า นางสุวรรณ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมา 15 ปี มีลูกอยู่ 2 คน คือ นายจักรกฤษณ์ และน้องสาว ซึ่งนายจักรกฤษณ์ ได้ไปทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม และอาศัยอยู่กับภรรยา โดยมีลูกด้วยกัน 1 คน โดยนายจักรกฤษณ์ เป็นคนเลี้ยงดูอยู่ตลอด แล้วก็คอยไปกลับ จ.สมุทรสงคราม กับ จ.ราชบุรี อยู่บ่อยๆ เป็นเสาหลักของครอบครัวที่บ้าน คอยช่วยเหลือที่บ้านอยู่ตลอด และเสียใจทั้งๆ ที่อายุยังน้อยแต่กลับมาเสียชีวิตโดยความประมาทของคนอื่น

น.ส.จุฑาภา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนยู่บ้าน แล้วพ่อก็โทรฯมาบอกว่าให้ทำใจดีๆ แฟนโดนรถชน ตนก็ตกใจแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ ตนก็พยายามติดต่ออยู่เรื่อยๆ ก่อนจะมารู้อีกทีก็เสียแล้ว ทำอะไรไม่ถูกก่อนจะโทรฯหาแม่

นางสุวรรณ กล่าวว่า หลังจากทราบเรื่องก็กลับบ้านมาเอารถไปหาลูกชาย แต่ก็ไม่เจอเพราะมีการส่งร่างลูกไปสมุทรสาครแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่สถานีตำรวจก่อน เพื่อมาดูรถ จึงได้พบกับคนขับรถมาพร้อมกับแฟนสาว หลังจากนั้นแฟนของคนขับรถก็เดินมาพูดกับตน ซึ่งน่าจะไม่รู้ว่าตนเป็นแม่ ว่า “น้องใส่สมอลล์ทอล์กอยู่ ถ้าน้องไม่ใส่ ก็ต้องเห็นหรือได้ยินเสียงตอนถอย” ซึ่งน้องก็นั่งอยู่ที่บริเวณหน้ารถไม่ได้ไปเดินเกะกะที่ไหน กลับมาโทษลูกตนว่าใส่หูฟัง ต้องโทษที่เขาไม่ดู จะไปโทษว่านั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ ซึ่งการถอยนั้นก็ถอยจนไปชนกับรถหกล้อที่ดึงเบรกมืออยู่จนถอยหลังไปอีกซึ่งแรงมาก หลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางคนชนก็ได้มางานฟังพระอยู่ 2 คืน พร้อมเงินใส่ซองอีกประมาณ 2 หมื่นบาท แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนที่ออกมาพูดเพราะเรากลัวเรื่องเราจะเงียบหายไป ไม่มีใครอยากสูญเสียลูกชายอายุเพียง 26 ปี เป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ในเมื่อเราสูญเสียไปแล้วเราก็ต้องได้เงินมาดูแลลูกชายของเขาครอบครัวของเขา ซึ่งตัวลูกชายเองก็เป็นเด็กพิเศษ (สมาธิสั้น) เราต้องดูแลไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็ต้องมาหาหมอ ทางคนชนก็ยอมรับว่าผิด แต่ไม่ได้มีการพูดคุย ในส่วนของประกัน พ.ร.บ. ค่าเยียวยา หลังเกิดเรื่องขึ้นตนก็รู้สึกไม่อยากทำอะไร เราเสียลูกไปทั้งคนและเป็นเหตุการณ์แรกที่มีการสูญเสียคนในครอบครัวไป

ขณะที่ให้การสัมภาษณ์อยู่ทางแม่ของนายจักรกฤษณ์ ก็ร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจที่เกิดการสูญเสียผู้เป็นทั้งลูกชายและเสาหลักของครอบครัวไปอย่างกะทันหัน.