การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 5 มี.ค. หลังจากต้องเลื่อนการแข่งขันมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยพิธีเปิดจัดขึ้นที่สนามกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเกียรติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน พร้อมด้วย นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ

พิธีเปิดครั้งนี้ มีนักกีฬาซึ่งเป็นลูกหลานและความภาคภูมิใจของชาวศรีสะเกษ มาเข้าร่วม นำโดย วันดี คำเอี่ยม นักยกน้ำหนัก เหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2004 และ 2008 รวมถึงศิลปินดังลูกหลานเมืองศรีสะเกษ ทั้ง ยิ่งยง ยอดบัวงาม และ เสถียร สุภากุล หรือ “เสถียร ทำมือ” ร่วมโชว์ในพิธีเปิดด้วย ส่วนไฮไลต์การจุดไฟในกระถางคบเพลิง เจ้าภาพทำได้อย่างตื่นตาตื่นใจ จุดไฟผ่านการปะทุบนภูเขาไฟ ซึ่งทำจำลองขึ้นมากลางสนาม สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง

สำหรับ “ศรีสะเกษเกมส์” จัดชิงชัย 55 ชนิดกีฬา แข่งขันไปจนถึงวันที่ 25 มี.ค. มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ จากทั่วประเทศ กว่า 18,678 คน เข้าร่วม ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวด การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา เพื่อลดการแออัดของนักกีฬา เริ่มช่วงแรก วันที่ 5-11 มี.ค. รวม 19 ชนิดกีฬา, ช่วงที่ 2 วันที่ 12-18 มี.ค. มี 24 ชนิดกีฬา และช่วงที่ 3 วันที่ 19-25 มี.ค. มี 12 ชนิดกีฬา

ส่วนผลการแข่งขันในวันแรก ที่น่าสนใจ มวยสากลสมัครเล่น รอบแรก รุ่น 48 กก.หญิง ณัฐชา ศิลปกิจ (นครราชสีมา) ชนะอาร์เอสซี ยก 2 เกศกนก ทรงประดิศฐ (สุราษฎร์ธานี), ณัฐพร แก้วเฟื่อง (นครสวรรค์) ชนะคะแนน อรวรรณ ชมภูน้อย (อุตรดิตถ์), เอเปค บุตรดี (ศรีสะเกษ) ชนะคะแนน วรกานต์ สอนวันนา (น่าน), รุ่น 57 กก.หญิง ปาริชาติ ยอดนางรอง (บุรีรัมย์) ชนะคะแนน กมลทิพย์ มูลกล้อม (ประจวบคีรีขันธ์), ณัฏฐณิชา โยคี (นครสวรรค์ 2) ชนะอาร์เอสซี ยก 3 อารียา เกยูร (สระบุรี)

รุ่น 60 กก.ชาย วันชัย ระห้อย (พิษณุโลก) ชนะ อาทร นนทโคตร (เพชรบูรณ์), ไชยวัฒน์ วิทยาสมบูรณ์ (สุราษฎร์ธานี) ชนะคะแนน พลกฤต วิสฤตไพศาล (เชียงใหม่), รุ่น 64 กก.ชาย สุวิทย์ ลาภบรรจบ (ขอนแก่น) ชนะคะแนน ชัยวุฒิ แซ่ลี (พะเยา), สุรศรี ปัตธีตะ (ชัยภูมิ) ชนะคะแนน ชลนที หยดย้อย (จันทบุรี), นรภัทร ขุนดำ (กระบี่) ชนะคะแนน ทิวา จันทะคำภา (อุดรธานี), อัศยุทธ เสียงล้ำ (พิษณุโลก) ชนะคะแนน กฤษฎา ตะเคียนเกลี้ยง (กรุงเทพฯ)