สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ว่าธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เผยแพร่รายงานว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4.7 ล้านคน ต้องเผชิญกับความยากจนขั้นรุนแรง เพราะสูญเสียงานถึง 9.3 ล้านตำแหน่ง เมื่อเทียบกับสถานการณ์ทั่วไป หากไม่เกิดโรคโควิด-19


รายงานระบุว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเริ่มฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ที่กินเวลานาน 2 ปี โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแตะร้อยละ 5.1 ในปีนี้ หลังประชาชนเกือบร้อยละ 60 ได้รับวัคซีนครบแล้ว ซึ่งทำให้เศรษฐกิจหลายภาคส่วนสามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง


แม้การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นสำหรับปีนี้ แต่รายงานระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงเปราะบาง และหลายครัวเรือนยังเผชิญการสูญเสียรายได้มหาศาล


นายมาซาสึกุ อาซาคาวา ประธานเอดีบี กล่าวว่า การแพร่ระบาดใหญ่นำไปสู่การว่างงานในวงกว้าง ความเหลื่อมล้ำที่เลวร้ายลง และความยากจนที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิง คนงานอายุน้อย และผู้สูงอายุ


กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ แรงงานไร้ฝีมือ ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและเศรษฐกิจนอกระบบ ตลอดจนธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีตัวตนทางดิจิทัล โดย อาซาคาวา สนับสนุนให้รัฐบาลในภูมิภาค ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีนวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปรับใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกครั้ง


นอกจากนี้ รายงานยังเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรทรัพยากรเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนงานสาธารณสุข ในด้านการดูแล การเฝ้าระวังโรค และการรับมือกับการระบาดใหญ่ในอนาคต พร้อมชี้ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจขยับขึ้นได้อีก 1.5 จุด หากการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของภูมิภาคมีสัดส่วนแตะร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)


นอกจากนั้น เอดีบียังแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและผลิตภาพ เช่น ลดความซับซ้อนของกระบวนการทางธุรกิจ การลดอุปสรรคทางการค้า และการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดเล็กปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมเสริมว่า รัฐบาลควรรักษาความรอบคอบด้านการเงิน เพื่อลดการขาดดุลและหนี้สาธารณะ รวมทั้งปรับการบริหารจัดการภาษีให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายฐานภาษี


ขณะเดียวกัน รายงานเตือนถึงความท้าทายหลายประการในภูมิภาค ได้แก่ การอุบัติของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ๆ อัตราดอกเบี้ยที่ตึงตัวในทั่วโลก การชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA