เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจาก ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านจากแก๊งเงินกู้นอกระบบ มีพฤติกรรมข่มขู่ ก้าวร้าว ทวงหนี้ไม่เหมาะสม ทั้งยังคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงมอบหมายนายพรต ภูมิภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ สั่งการเจ้าหน้าที่ บูรณาการร่วมกันวางแผนจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า แก๊งเงินกู้รายนี้เช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม ชุดปฏิบัติการ จึงได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับผู้ที่ตั้งตนเป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบว่าเป็นญาติกับลูกหนี้ต้องการเคลียร์เงินที่ยืมมา จึงนัดส่งเงินกันที่บริเวณสามแยกริมทางสาธารณะท้ายหมู่บ้านดอนยานาง ต.นาทราย ห่างจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 หรือถนนนิตโย (นครพนม-สกลนคร) ประมาณ 200 เมตร กระทั่งบ่ายของวันที่ 18 มีนาคม 2565 ได้มีรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีเงิน ทะเบียน กว 3329 ชลบุรี กระจกด้านหลังติดสติกเกอร์ ตราสัญลักษณ์ของกองปราบปราม ขับรถเข้ามารับเงินกับผู้กู้ เจ้าหน้าที่ซุ่มดูโดยรอบพบว่าในรถเก๋งคันดังกล่าวเป็นชายมาด้วยกัน 2 คน หลังมีการส่งธนบัตรแล้ว จึงเข้าควบคุมตัวและตรวจค้นจนได้ของกลางประกอบด้วยธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อฉบับละ 1,000 บาท, นามบัตรที่ใช้ในการแจกจ่ายประชาสัมพันธ์การทำธุรกิจให้กู้ยืมเงินนอกระบบ และสมุดที่ใช้ในการจดบันทึกข้อมูลลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ

ส่วนผู้ต้องหาทราบต่อมาว่าชื่อนายชโนทัย (สงวนนามสกุล)  อายุ 37 ปี และ นายอรชุน (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี โดยนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า 1.ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 3.ร่วมกันประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยมิได้จดทะเบียนการประกอบธุรกิจกับนายทะเบียน

ทั้งนี้ แก๊งเงินกู้นอกระบบที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครพนม จะมาจากจังหวัดอื่น โดยใช้นามบัตรระบุเงินด่วน เงินเร็ว กู้ง่าย อนุมัติเร็ว พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อโปรยไปตามถนนในเขตเทศบาลฯ และพื้นที่ใกล้เคียง เมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะคิดดอกเบี้ยมหาโหด หากลูกหนี้ไม่ยินยอมจ่ายตามเงื่อนไขก็จะคุกคาม ข่มขู่ ขั้นทำร้ายร่างกาย และยึดทรัพย์สินในบ้าน จนเหยื่อเงินกู้หลายรายต้องหนีหัวซุกหัวซุน กระทั่งมีการร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองนครพนม และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม จึงนำมาสู่การวางแผนจับกุมดังกล่าว