เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บริเวณหลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดจำหน่วย “ลูกชิ้นยืนกิน” มีผู้คนเดินทางมาซื้อไม่ขาดสายตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะวันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.) กลุ่มแม่ค้าลูกชิ้นยืนกิน จะลงขันจัดงานวันเกิดให้กับลิซ่าด้วยการแจกลูกชิ้นทอดให้กับลูกค้า และผู้คนที่ผ่านไปมา ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ไปจนกว่าลูกชิ้นจะหมด ซึ่งไม่น้อยกว่าครึ่งตัน

โดยจุดเริ่มกำเนิดของ “ลูกชิ้นยืนกิน” มาจากแม่ค้ารถเข็นมาตั้งขายที่บริเวณด้านหลังสถานนีรถไฟ (ฝั่งตัวเมืองบุรีรัมย์) ประมาณ 45 ปีที่ผ่านมา โดยมีลูกชิ้น “ป้านก” เข็นรถเข็นมาขายเป็นเจ้าแรก ต่อมามีแม่ค้าเจ้าอื่นๆ มาตั้งขายด้วย จนกลายเป็นแผงยาวบริเวณริมทางเท้า ประมาณ 10 เจ้า ก่อนแม่ค้าคนอื่นๆ จะใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขี่ไปขายตามจุดต่างๆ ทั่วจังหวัด จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์โดยปริยาย

ในทุกเย็นของคนทำงาน ทั้งผู้ที่จะเดินทางกลับทางรถไฟและผู้ที่ขับรถผ่านไปมา รวมถึงนักเรียนนักศึกษาหลังเลิกเรียน จะมายืนถือไม้ลูกชิ้นล้อมรถแม่ค้า แล้วเอาไปจิ้มกับน้ำจิ้มพร้อมกับผัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแตงกวา ยืนกินกันสดๆ จนเป็นที่มาของคำว่าลูกชิ้นยืนกิน บางคนซื้อกลับไปฝากบ้านฝากเพื่อน ทำให้ลูกชิ้นยืนกินจุดนี้เป็นที่รู้จักไปหลายจังหวัด

หลังจาก จ.บุรีรัมย์ มีสนามฟุตบอล และสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทางจังหวัดได้พยายามผลักดันให้บริเวณนี้เป็นอีกหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยว มีการจัดการแข่งขันกินลูกชิ้น สร้างสัญลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักต่อไป อีกทั้งมีการย้ายจุดให้เป็นโซนลูกชิ้นโดยเฉพาะ ทำให้ยอดขายลูกชิ้นแต่ละร้านค้า ขายได้วันละ 5,000-10,000 บาท แต่โควิด-19 เข้ามาทำลายรายได้ทุกอย่างที่เคยได้รับอย่างย่อยยับ และยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะฟื้นกลับคืนมาเป็นปกติได้อีกตอนไหน

สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดและเป็นการสร้างปรากฏการณ์ขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางที่เศรษฐกิจทั่วประเทศไทยกำลังทรุดหนัก เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019

เพียงประโยคเดียวของ ลิซ่า BLACKPINK ที่ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับรายการหนึ่งของไทยว่า ถ้าได้กลับมาบ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ สิ่งแรกที่อยากรับประทานคือ ลูกชิ้นยืนกินสูตรน้ำจิ้มพริกเผา ซึ่งเป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เพียงข้ามคืนเหล่าบรรดาแฟนคลับและประชาชนทั่วไปอยากจะรับประทานลูกชิ้นยืนกินตามรอยลิซ่า ขึ้นมาทันที มีผู้คนเกือบทั่วประเทศแห่แหนเดินทางไปที่บุรีรัมย์ เพื่อต้องการมาตามรอยลิซ่า มาแวะชิมซื้อกลับบ้านกันอย่างคึกคัก จนแม่ค้าตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายผลิตไม่ทันขาย จากยอดหลักร้อยที่เคยคิดฆ่าตัวตาย กลายมาเป็นวันละ 100,000 กว่าบาท ตั้งแต่เดือน ก.ย. 64 เป็นต้นมา

นางนิภาพร วิริยานุภาพ อายุ 37 ปี เจ้าของร้าน “เจ๊พงษ์ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์” หนึ่งในร้านลูกชิ้นที่ลิซ่าถามถึงคือสูตรน้ำจิ้มพริกเผา เปิดเผยว่า ร้านตนเพียงร้านเดียว ที่ไม่ได้ไปตั้งรถขาย เพราะพื้นที่เต็มจึงเปิดหน้าบ้านขาย แต่อยู่ในบริเวณหอนาฬิกาเหมือนกัน

ที่ผ่านมา ตามเทศกาลจะขายดีกว่าวันปกติ จะมีขาประจำเหมือนแต่ละร้านที่ขายกัน เพียงแต่คนที่ชอบน้ำจิ้มน้ำพริกเผาจะต้องมาหาที่ร้านตนร้านเดียว ส่วนเจ้าอื่นจะเป็นน้ำจิ้มสูตรมะขามเปียก ขึ้นอยู่ความชอบของลูกค้าว่าชอบรสชาติแบบไหน

การขายลูกชิ้นตอนนั้นเป็นรายได้เสริมของครอบครัวอีกทางหนึ่ง พออยู่ได้ ไม่เคยมีความคิดว่าจะขายร้านอยู่ในหัวเลย เพราะฐานลูกค้ามีแค่นั้น แต่ใครจะคาดคิดมาก่อนว่า ถึงเวลาจำเป็นต้องขยายกิจการแบบไม่รู้ตัว

หลังลิซ่า ซึ่งเป็นชาวบุรีรัมย์ เอ่ยปากคำเดียว อะไรก็เอาไม่อยู่ จากที่ไม่ใช่นักธุรกิจ ถูกสถานการณ์บีบให้ต้องเป็นนักธุรกิจ จำเป็นต้องเปิดแฟรนไชส์ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้า จนตอนนี้ขายแฟรนไซส์ ไปแล้วร่วม 100 สาขาทั่วประเทศ มีเซ็นเตอร์ใหญ่อยู่กรุงเทพฯ เพื่อกระจายสินค้า ส่วนที่บุรีรัมย์ จนถึงตอนนี้ยอมรับว่าทอดขายแทบไม่ทันในแต่ละวัน เพราะผู้คนยังเดินทางมาซื้อไม่ขาดสาย ทั้งห่อไปทอดเอง ทั้งซื้อไปรับประทานเอง และยืนกินที่ร้าน

“ไม่สำนึกก็ต้องสำนึกถึงบุญคุณของน้องลิซ่า วันที่ 27 มี.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของน้องลิซ่า นอกจากกลุ่มแม่ค้าลูกชิ้นบนสถานีรถไฟ จะเลี้ยงลูกค้าฟรี เพื่อฉลองงานวันเกิดให้ลิซ่าแล้ว ส่วนตัวจะแจกบริเวณหน้าร้านทั้งวัน เบื้องต้นได้ฝากลูกชิ้นพร้อมน้ำจิ้มสูตรพริกเผา กับญาติน้องลิซ่าไปให้รับประทานที่กรุงเทพฯ และลิซ่าได้ทานแล้ว” นางนิภาพร กล่าว

นางนิภาพร กล่าวด้วยว่า การเติบโตของร้านลูกชิ้นเจ๊พงษ์ดังกล่าว ได้เกิดแรงบันดาลใจที่จะพัฒนาการผลิตลูกชิ้นให้มีคุณภาพขึ้นไปอีก จะยื่นขอ อย. เพื่อให้ลูกค้ารับประทานได้อย่างสบายใจขึ้น และจะเพิ่มสูตรน้ำจิ้มให้มีมากกว่า 1 รสชาติ ให้ลูกค้าเลือกรับประทานตามที่ชอบ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณน้องลิซ่า ที่สร้างกระแสให้คนรู้จักลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ที่สำคัญฉุดให้แม่ค้าลูกชิ้นที่กำลังย่ำแย่ลุกขึ้นเดินได้อย่างภาคภูมิทั้งที่อยู่ในท่ามกลางสงครามโควิด-19

ด้านนายบดินทร์ เรืองสุขศรีวงศ์ ประธานสภาอุสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่แม่ค้าลูกชิ้นยืนกินจะร่วมฉลองงานวันเกิดให้กับลิซ่า ส่วนหนึ่งเป็นการแสดงความรัก การแสดงถึงบุญคุณ ที่ลิซ่าทำให้โดยที่ไม่ใช้งบประมาณในการโฆษณาสินค้าของดีบุรีรัมย์ เบื้องต้นทราบว่า บรรดาแม่ค้าจะร่วมกันร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับน้องลิซ่า และเป่าเค้กฉลองอีกด้วย.