เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นายอนุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับ เพจ สายไหมต้องรอด หลังถูกชายฉกรรจ์ 5 คนใช้ผ้าดำปิดตาเคเบิลมัดมืออุ้มขึ้นรถ ขณะเดินอยู่ริมถนนเทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนพาไปทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เหตุจากเคยเปิดบัญชีให้กับเว็บพนันแล้วปิดบัญชีไปเพราะกลัวถูกดำเนินคดี ขณะเจ้าของเว็บข่มขู่ว่ารู้จักนายตำรวจระดับสูง จนหวั่นว่าจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากยังไม่สามารถจับผู้ต้องหาได้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า หลังรับแจ้งความได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ใช้หลบหนีนานนับเดือน กระทั่งพบเบาะแสเป็นภาพรถผู้ต้องหาและผู้เสียหายขับผ่านย่านถนนเทพารักษ์ ซึ่งเป็นเบาะแสสำคัญ ต่อมาวันที่ 4 เม.ย. จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุแล้วรวม 5 คน ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ โดยกระทำความผิดกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันทวงถามหนี้อันมีลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้อื่น กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา (4 เม.ย.) ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมทนายเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ พร้อมให้การปฏิเสธ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังหลบหนีอยู่

ล่าสุดเวลา 13.30 น. วันนี้ (5 เม.ย.) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด พร้อมด้วยผู้เสียหาย เดินทางมาพบ พ.ต.ท.สุทิน พุ่มพวง สว.(สอบสวน) สภ.สำโรงเหนือ เจ้าของคดี เพื่อชี้ตัว 3 ผู้ต้องหา ซึ่งผู้เสียหายสามารถชี้ตัวยืนยันได้ถูกต้องใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนตำรวจรีบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายสุรนันท์ อุดมสรรพเจริญ อายุ 35 ปี นายสำรวย เริงสำราญ อายุ 35 ปี และนายจตุพงษ์ กาลวัน อายุ 27 ปี ขึ้นรถไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ

ขณะที่ นายอนุวัฒน์ ผู้เสียหาย ยืนยันว่า จำผู้ต้องหาได้เนื่องจากในช่วงที่อุ้มไปผู้ต้องหาเปิดผ้าปิดตาออก แต่ไม่ได้มีการพูดคุยใดๆ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งหมดมาก่อน สาเหตุที่มาอุ้มน่าจะมาจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ สั่งให้อุ้ม จากเหตุที่ตนไปปิดบัญชีเว็บพนัน ทั้งนี้อยากฝากให้ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเข้ามามอบตัว เพื่อให้เรื่องจบ ตนไม่ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นตำรวจ หรือ ทหาร แต่ทรงผมคล้าย แต่หนึ่งในนั้นบอกว่าเป็น รปภ. อย่างไรก็ตามก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเนื่องจากผู้ต้องหายังถูกจับไม่หมด วอนให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวให้เร็วที่สุด

ผู้เสียหาย บอกอีกว่า ตนรับเปิดบัญชีม้าให้เว็บพนันเดือน ก.ค.64 โดยมีการตกลงกันว่าจะแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ทุกเดือน แต่หลังๆ มาตนเริ่มเห็นข่าวการปราบปรามพวกบัญชีม้า ทำให้เกิดความกลัว ไม่อยากโดนดำเนินคดี ช่วงกลางเดือน ก.พ. จึงเริ่มติดต่อเจ้าของเว็บเพื่อขอยุติ แต่ทางเจ้าของเว็บไม่ยอม แถมมีการข่มขู่ว่าหากปิดบัญชีจะทำการอุ้มฆ่า ด้วยความกลัวถูกตำรวจจับจึงไปปิดบัญชีที่ธนาคารทันที เมื่อปิดบัญชีพบว่ามีเงินในบัญชีประมาณ 170,000 บาท จึงตัดสินใจปิดและหักเงินเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกับเจ้าของเว็บไว้ บัญชีละ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 8 หมื่นบาท ก่อนจะโอนส่วนที่เหลือกลับไปให้เจ้าของเว็บ จึงทำให้ทางเจ้าของเว็บไม่พอใจก่อเหตุดังกล่าว

ส่วน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า ต้องมีความเชื่อมั่นกับการทำงานของตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เนื่องจากขณะนี้อนุมัติหมายจับได้ถึง 5 คนแล้ว และสามารถจับมาได้ถึง 3 คน เชื่อว่า ที่เหลือจะไม่เกินความสามรถของฝ่ายสืบสวน อย่างไรก็ตามถ้าเกิดเหตุการณ์อุ้มกลางเมืองขนาดนี้ แต่ไม่สามารถสาวไปถึงผู้สั่งการได้ แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมของเราอาจจะต้องมีปัญหา สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งการอุ้มคนแบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้น