จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่ามีเหยื่อถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้นโดยไม่สมยอม โดยเหยื่อบางรายยังถูกข่มขืน จนกลายเป็นผู้ป่วยซึมเศร้า อีกด้วยนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เม.ย. “ทนายนิด้า” ศรันยา หวังสุขเจริญ ทนายความชื่อดังได้ออกมาแสดงความเห็น เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว ระบุว่า “สิ่งที่ยากของการทำคดีข่มขืนไม่ใช่เนื้อหาของคดี เพราะเป็นสิ่งที่ทนายความต้องเจอและต้องรับสภาพอยู่แล้ว”

แต่ที่ยากที่สุด ควบคุมไม่ได้คือสังคมที่พร้อมกระหน่ำเหยียบย่ำเหยื่อ สมยอมบ้างแหละ ตบทรัพย์บ้างแหละ อยากดังบ้างแหละ วิพากษ์วิจารณ์บนความสะใจโดยไม่เห็นอกเห็นใจคนที่กำลังร่ำร้องหาความยุติธรรมให้ตัวเองอย่างยากลำบาก ถอดใจกันไปไม่รู้กี่ตลบเพราะแบกรับความรู้สึกต่อไปไม่ไหว ใจร้ายเหลือเกิน ดังนั้นในฐานะทนายความนอกจะต้องรับผิดชอบคดีแล้ว ยังต้องให้กำลังใจเหยื่อด้วย จะด่าอะไรก็มาทนายนี่ มีแรงสวน แต่เว้นพื้นที่ให้เหยื่อหน่อย

“ในการเสียสละตนเองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของเหยื่อแต่ละคน โดยมีวัตถุประสงค์ในการตัดคนชั่วออกจากสังคม 1 คน เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยไปอีกหลายคน เขากำลังทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ อาจจะมากกว่าไปวัดไปวาเสียด้วยซ้ำ และอาจจะช่วยคนที่กำลังปากหมาคนไหนซักคนที่กำลังด่าเขาอยู่นี้ไม่ให้ถูกข่มขืนไปด้วยในซักวันก็เป็นได้ เป็นกำลังใจให้เหยื่อในความผิดเกี่ยวกับเพศทุกคนนะคะ #บีบมือ”

นอกจากนี้ “ทนายนิด้า” ยังเผยอีกว่า จากที่เคยทำคดีข่มขืนมา ผู้ก่อเหตุหลายคนการศึกษาดี เป็นคนเก่งของสังคม มีฐานะการเงินที่ดี อยู่กับเพื่อนฝูงเป็นสายเปย์ แต่เงินของมันไม่ได้มีไว้สำหรับซื้อกิน “ผู้หญิงขายบริการสมยอมด้วยอาชีพ ความสมัครใจไม่ก่อให้ตื่นเต้นเร้าใจสำหรับคนแบบนี้ การละเมิดความยินยอมของใครสักคนเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ของคนพวกนี้ให้ตื่นเต้นดี เงินที่มีจึงไม่ใช้จ่ายไปกับการซื้อบริการ แต่มักใช้ไปกับการเคลียร์…….” สะอิดสะเอียนทุกครั้งเวลาได้ยินคนพูดว่า #รวยขนาดนี้เขาไม่ข่มขืนใครหรอก #เก่งขนาดนี้เขาจะไปข่มขืนคนอื่นทำไม ฟังแล้วจะอ้วกทันที..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @ทนายนิด้า