เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 8 ลงพื้นที่หาเสียงเขตจตุจักร และเขตดุสิต เริ่มตั้งแต่บริเวณตลาดหลัง ปตท. (ถนนวิภาวดีรังสิต), ตลาดนัด กม.11, ตลาดราชวัตร และตลาดตึกซันทาวเวอร์ โดยระหว่างลงพื้นที่นายชัชชาติ ได้พูดคุยและรับฟังปัญหาจากผู้ค้าแผงลอย พร้อมเน้นย้ำนโยบาย “เศรษฐกิจดี” สร้างความมั่นคงให้กับกลุ่มผู้ค้าแผงลอยในการจัดหาแหล่งทุน และพื้นที่ในการค้าขาย ผลักดันให้เกิด Hawker Center พื้นที่ค้าขายสำหรับผู้ค้าแผงลอยที่ไม่กระทบคนเดินเท้า

ทั้งนี้ นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุปะทะกันระหว่างหน่วยบรรเทาสาธารณภัยบริเวณ ถนนพระราม 4 จนมีผู้เสียชีวิต 1 รายว่า หน่วยงานดังกล่าวแบ่งเป็น 2 หน่วยงานหลักคือหน่วยกู้ชีพ และหน่วยกู้ภัย ซึ่งมีลักษณะงานที่คาบเกี่ยวกันโดยหน่วยกู้ชีพ มีสถาบันแพทย์ฉุกเฉินเป็นผู้ดูแล สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ หน่วยงานมีรับผิดชอบคือศูนย์เอราวัณ การทำงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนและอาสาสมัครที่เป็นเครือข่ายในการกู้ชีพและช่วยเหลือประชาชนทุกคนมีเจตนาที่ดีคืออยากช่วยเหลือ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นบางครั้งไม่สามารถไปสั่งการอาสาสมัครหรือเครือข่ายได้โดยตรง ดังนั้น กทม.ควรมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นในการประสานงาน และกำหนดกรอบทำงานให้ชัดเจน

ส่วนหน่วยกู้ภัย ที่หมายถึงสาธารณภัยต่างๆ อาทิ ตึกถล่ม ไฟไหม้ ซึ่งต้องมีการประสานงานกันอย่างเข้มข้น หน่วยงานเดียวไม่สามารถทำงานได้ ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันหลายกลุ่ม และต้องมีนโยบายที่ชัดเจน โดยนโยบายของตนให้ความสำคัญทั้งเรื่องอุปกรณ์การทำงานแต่ละเขตเพียงพอหรือไม่ บางชุมชนมีอุปกรณ์ดับเพลิงไม่เพียงพอ หัวแดงไม่มีน้ำ หรืออยู่ใกล้คลองแต่ไม่มีเครื่องสูบน้ำ การตั้งศูนย์ประสานงานหน่วยบัญชาการ การซ้อมร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ รวมถึงฝึกอบรมอาสาสมัครให้มีคุณภาพ มีความเข้าใจในการทำงาน ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์เช่นตึกถล่ม ที่อาสาสมัครเข้าไปที่เกิดเหตุก่อนแล้วเสียชีวิต ในส่วนนี้อาจเกิดจากการประสานงานที่ไม่เข้มข้น