สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ว่าธนาคารโลก ( เวิลด์แบงก์ ) เผยแพร่รายงานในสัปดาห์นี้ ว่าเสถียรภาพในเมียนมาซึ่งสั่นคลอนอย่างหนัก นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ร่วมด้วยการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 ในเมียนมา ที่รุนแรงขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างมากและชัดเจนต่อเศรษฐกิจของเมียนมา มากกว่าการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบก่อนหน้านี้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ เวิลด์แบงก์จึงคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี ) ของเมียนมา จะติดลบมากถึง 18% ในปีงบประมาณ 2564 โดยปีงบประมาณปัจจุบันของเมียนมาจะสิ้นสุดในเดือน ก.ย.นี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจของเมียนมาหดตัวประมาณ 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2562
ทั้งนี้ เมียนมาเริ่มเปิดประเทศต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ "อย่างจริงจัง" ได้ประมาณ 1 ทศวรรษเท่านั้น การรัฐประหารที่เกิดขึ้นจึงส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินธุรกิจข้ามชาติ โดยสัญญาณที่หลายฝ่ายมองว่า "ชัดเจนที่สุด" คือการที่บริษัทเทเลนอร์ ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมรายใหญ่จากนอร์เวย์ ขายกิจการทั้งหมดในเมียนมา ให้กับบริษัทเอ็มวัน ของเลบานอน ในราคา 105 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3,461.85 ล้านบาท ).

เครดิตภาพ : AP