สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่าทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ ว่านายเคิร์ต แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานด้านกิจการอินโด-แปซิฟิก ของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ เข้าพบนายกรัฐมนตรีมานัสเซห์ โซกาวาเร ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอน ที่กรุงโฮนีอารา เมื่อวันศุกร์


ทั้งนี้ แคมป์เบลล์กล่าวกับโซกาวาเรอย่างตรงไปตรงมา ว่าการที่รัฐบาลโซโลมอนลงนามในข้อตกลง “ว่าด้วยการยกระดับการเป็นหุ้นส่วนด้านความมั่นคงระดับทวิภาคี” นั้น “มีความหมายและผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายความมั่นคง” ของสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคแห่งนี้ รัฐบาลวอชิงตันและพันธมิตร “จะมีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง และเตรียมตอบสนองตามความเหมาะสม” หากทางการโซโลมอนอนุญาตให้จีนตั้งฐานทัพเป็นการถาวร การติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร และสิ่งก่อสร้างใดก็ตามที่บ่งบอกเจตนาแผ่ขยายอิทธิพลทางทหาร


ขณะที่โซกาวาเร ยืนยันว่า ความร่วมมือดังกล่าวไม่ครอบคลุม และไม่อนุญาตให้จีนเข้ามาตั้งฐานทัพ อย่างไรก็ตาม ผู้นำโซโลมอนยังคงไม่ตอบรับหรือปฏิเสธรายงานที่ออกมาก่อนหน้านี้ ว่าข้อตกลงรวมถึงการที่รัฐบาลปักกิ่งอาจมีการนำเรือมาจอดเทียบท่า เพื่อเติมเสบียง หรือเดินทางผ่านหมู่เกาะโซโลมอน โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลโซโลมอน ซึ่งอาจอนุญาตให้ตำรวจของจีนเข้ามาปฏิบัติการในประเทศ “เพื่อรักษาความสงบภายใน” ทั้งที่โซโลมอนมีข้อตกลงเรื่องนี้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่แล้ว


ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลออสเตรเลียให้ความเห็น ว่าการที่สหรัฐประกาศกำหนดการเยือนของแคมป์เบลล์ กลายเป็นแรงกระตุ้นให้รัฐบาลโซโลมอนและจีนเร่งลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นการยกระดับความร่วมมือครั้งสำคัญ นับตั้งแต่โซโลมอนสถาปนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลปักกิ่ง เมื่อปี 2562 หลังยุติความร่วมมือกับไต้หวัน.

เครดิตภาพ : REUTERS