อีกหนึ่งข่าวร้ายความสูญเสียของวงการบันเทิง เมื่อ “เจย์ ศุภกาญจน์ ปลอดภัย” ลูกชายของ “เจี๊ยบ กาญจนพร ปลอดภัย” ได้ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองคาบ้านพัก เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 23 เม.ย. โดยคาดว่าเกิดจากความเครียดจากอาการป่วยไบโพลาร์ ซึ่งการจากไปของลูกชาย ถือเป็นมรสุมชีวิตอีกครั้งของดารารุ่นใหญ่ “เจี๊ยบ กาญจนาพร” หลังจากก่อนหน้านั้น ในปี 2562 เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ ทั้งเรื่องที่พ่อเสียกะทันหัน หย่ากับอดีตสามี ติดหนี้ จนเครียดทำให้เป็นก้อนเนื้อตรงช่องท้อง

สำหรับประวัติ เจย์ นั้น อายุ 40 ปี เกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2525 ช่วงอายุ 15 ปี ไปเรียนไฮสคูลที่ประเทศอินเดีย 1 ปี เรียนภาษาอังกฤษ ก่อนไปใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา 6 ปี เพื่อเรียนต่อระดับไฮสคูลและปริญญาตรี ระหว่างเรียนปริญญาตรีทำงานพิเศษไปด้วย เห็นว่ามีรายได้ดีจึงลาออก เพื่อมาทำงานพิเศษ จากนั้นกลับมาเมืองไทย แล้วเรียนต่อปริญญาตรีจนจบ

กระทั่งเข้าสู่วงการบันเทิง มานั่งแท่นเป็นคนหน้าไมค์และเป็นวีเจอยู่ MTV เป็นดีเจเพลินวาน (หัวหิน) เป็นดีเจคลื่นอารมณ์ดี 98.5 Good FM และเป็นผู้จัดละคร 

มรสุมลูกแรก สูญเสียพ่อกะทันหัน

อย่างไรก็ตามก่อนการสูญเสียลูกชายแบบไม่คาดฝันในครั้งนี้ เมื่อย้อนดูชีวิตของคุณแม่นักสู้ “เจี๊ยบ กาญจนพร ปลอดภัย” จะพบว่าผ่านมรสุมชีวิตมามากมาย โดยมรสุมลูกแรก คือการสูญเสียคุณพ่อกะทันหัน “คุณพ่อเสียตอนอายุ 26 ซึ่งพ่อยังหนุ่มอยู่เลย ช็อกเนื่องจากเป็นอุบัติเหตุที่แรงมาก โทรศัพท์มาเราก็อึ้ง เพิ่งจะมีลูกคนที่ 2 เราเพิ่งแต่งงานแล้วมีลูกเลย พ่อก็จะคอยบอก คอยสอน คอยเลี้ยงลูกให้ในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็ช็อกตรงที่ว่ามันกะทันหันเกินไป คุยโทรศัพท์อยู่วันรุ่งขึ้นพ่อเสียชีวิตยังไม่ทันได้ลา ทำใจเป็นปี แล้วก็เก็บทุกอย่างของพ่อมา ไดอารี่ที่พ่อเขียน แล้วก็สิ่งที่พ่อดูเอาไว้ก่อนที่พ่อจะจากไป มันคือแม่นมาก กราฟชีวิตที่พ่อดูให้ทุกคน กราฟชีวิตพ่อบอกแล้ว ทำไมไม่ดู ก็คือบอกอายุที่พ่อจะจากไป คือวงไว้เลย ถ้าอยู่ต่อก็จะอยู่ได้นาน แต่ถ้าไปก็คือไป แต่เหมือนไม่เข้าหู แต่พอเรามาดูบุ๊กนั้น คำมันจะมา เออ…พ่อบอกแล้ว แต่เราไม่คิด และพ่อดูให้เราด้วย ดูถึงอายุ 72 ปี พ่อดูไว้ให้เฉย ๆ ไม่ได้วงอะไร แต่เรามาดูแล้วมาเปรียบเทียบกับการดูของคุณพ่อ เรารู้เลยว่าอันนี้คือบอกไว้แล้ว แล้วประกอบกับดูผูกดวง 3 หมอเท่ากันหมดเลย คือไม่เกิน 75 ปี ถามว่ากลัวมั้ย ไม่กลัว เรามาดูในวัยที่น้อมธรรมเข้าสู่จิตใจแล้ว มันอยู่ในจุดที่เรารับได้”

มรสุมลูกที่ 2 หย่าร้างกับอดีตสามี

“อายุ 30 ลูก 3 คน เรื่องผ่านมาแล้ว เป็นความที่ไม่ลงตัวกัน ไม่ใช่ความรัก เกิดขึ้นด้วยความเคารพ เพราะฉะนั้นเหมือนเรายังไม่รู้จักความรักเลย มันเป็นรักเคารพ อยู่ได้ด้วยความรักเคารพ แต่พอมาวันนึงเราเกิดเบื่อที่จะแบมือขอต่างๆ แน่นอนว่าคนที่อายุสูงวัยกว่าเขาไม่ยอมให้เราออกไปทำอะไรๆ หรอก ก็จะถูกกำหนดกฎเกณฑ์เยอะไป เราก็มีความรู้สึกว่าชีวิตมนุษย์มันต้องมีสิทธิและเสรีภาพ ในเมื่ออีกฝ่ายมีสิทธิและเสรีภาพแล้วเราล่ะทำไมถึงถูกกฎอยู่อย่างนี้ ได้อย่างนี้ ดูแลอย่างนี้ คือมันไม่ใช่เรา เราหนีไปบวชชี เพราะว่าตอนนั้นตกลงไม่ได้ เขาไม่ให้เราก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เศร้าหมอง จนพี่สาวบอกว่าไปเติมพลังมาให้อยู่ตรงนี้ได้ เราก็ไป 15 วัน ที่แม่สาย จ.เชียงราย พอกลับถึงบ้านก็สูดหายใจว่า เราต้องรับกรรมแล้วอยู่อย่างนี้ต่อไป แล้วจะทำยังไงที่จะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน ก็จะต้องพูด แต่แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ เราก็หนีออกจากบ้าน กลับไปราชบุรี มันไม่รู้จะทำยังไงแล้วก็ต้องขอโทษสามีด้วย หลังจากแยกกัน เจี๊ยบต้องทำงานเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ณ จุดนั้นเริ่มต้นเลย อะไรที่ทำไม่ได้ต้องสู้ และทำให้ได้”

มรสุมลูกที่ 3 งานผู้จัด จุดเริ่มต้นหนี้ เครียดจนเป็นก้อนเนื้อตรงช่องท้อง

“ทำงานโรงแรม 1 ปี ตอนนั้นงานละครยังไม่มา แต่ก็มีไกด์มาแล้วว่าน่าจะได้ เราก็รับงานโรงแรม เนื่องจากว่าผู้มีพระคุณบอกให้ไปฝึกงานแล้วมีเงินเดือนด้วย ตอนนั้นเป็นตำแหน่งพีอาร์โซเชียลฯ มันไม่ได้เป็นพีอาร์โดยตรงแต่เราต้องรู้ระบบ สามารถคุยกับใครได้ แล้วก็ไม่ต้องอยู่ที่โรงแรมทุกวัน ออกไปเดินแบบก็สามารถขายโรงแรมได้ ตอนทำงานผู้จัดก็เครียดนะ เครียดตั้งแต่เรื่องแรกเลยสารพัดสิ่ง จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้จัด เรื่องของเรื่องเราทำงานพิธีกรมาสิบปี มันแบบถึงเวลาแล้วที่เราจะทำรายการของเราเอง ก็คุยกับน้องคนนั้น คนนี้ ก็ส่งรายการไปทุกช่อง แต่ไม่ผ่านเลย น้องก็เลยบอกว่าเสนอละครไหม เผื่อจะได้ เราก็ลองดู เป็นเรื่องเกี่ยวกับตลาด ผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าไม่ชอบเรื่องเขียนเอง ชอบนวนิยาย เราก็กลับมาไปหานวนิยาย ก็เลยหยิบเรื่อง รักเกิดในตลาดสดมาทำ ถามว่าได้กำไรไหม มันได้ แต่ไม่พอปี มันควรจะมีอีกเรื่องนึง พออีกปีก็ทำอีก แต่กำไรก็ไม่พอปีแล้วควักเนื้อ แล้วที่ไปกู้มาล่ะ ดอกเบี้ยทั้งนั้นเลย ก็ต้องใช้ดอกเบี้ย ต้องใช้ภาษี ไอ้นู่น ไอ้นี่ ทำไมมันเยอะจัดขนาดนี้ ถามว่าต้องแบกเท่าไหร่ ต่อเรื่องต้องมี 4 ล้าน เราได้มาแล้วประมาณ 2-3 ล้าน จะทำยังไงให้มันจบเรื่อง เราต้องมี 4 ล้าน และ 4 ล้านนี้ไม่ใช่แบงก์ให้เรา 

ตอนนั้นเครียดเข้า รพ. มันทุกอย่าง จนสุดท้ายตัวเลขมา ไม่ลงตัวกับเพื่อน หุ้นส่วน คือแยกแน่ๆ ก้อนเนื้อมาเลยที่รังไข่ หมอบอกว่ายูศึกษาธรรมะมาแล้ว หมอต้องบอกความจริง การที่มีเลือดออกมันหนักขั้นสุดท้าย ซึ่งก้อนเนื้อมันเกิดจากความเครียด หมกหมุ่นด้วยไม่หลับไม่นอน จนมันเจ็บๆ อยู่ทางด้านขวา ต่อมาไปปฏิบัติธรรม แต่อยู่ๆ เหมือนมีประจำเดือน แต่ปรากฏว่าเลือดนองเต็มพื้นห้องน้ำ เราก็ยังคิดว่าเป็นประจำเดือนอยู่ เป็น 14 วัน จนไม่มีแรง ต้องโทรฯ หาหมอที่ทำคลอด หมอบอกให้มาด่วนเลย พอตรวจมันก็ไม่ใช่เนื้อร้าย เลือดที่ออกมันคือโพรงมดลูกเป็นแผลตั้งแต่ดั้งแต่เดิม พอวัยสูงขึ้นผิวมันแห้ง โพรงมดลูกก็แห้งด้วย มันปริค่ะ ก็เอาออกทั้งรังไข่และมดลูก ตอนนั้นท้องห้อยต้องเดินประคองท้อง โล่งทั้งหมด ธาตุทั้งหมดรวนเรหมดเลย ต้องมาฟื้นฟูธาตุกันใหม่ตั้งแต่ปีนั้นจนมาถึงปีนี้”