จากกรณีโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจากสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ตุ๊กติ๊ก ฅนเฉียงเหนือ ได้ออกมาโพสต์ข้อความ หลังคุณพ่อเข้าไปส่งผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่รถพยาบาลในระบบ หรือมูลนิธิ ไม่สามารถเข้ามารับได้ เป็นเอกชนเท่านั้นเป็นผู้นำส่ง ก่อนสุดท้ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และถูกกู้ชีพของโรงพยาบาลเอกชนเก็บเงิน อ้างว่าเป็นค่ารักษาและค่าอุปกรณ์ จำนวนเงิน 13,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด นายภัคพล เมธีภักดี อายุ 37 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า “เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ช่วงเวลา 19.30 น. คุณพ่อได้ขับรถแท็กซี่ไปส่งผู้โดยสารที่สนามบินสุวรรณภูมิและเกิดอาการช็อกกะทันหัน ทำให้มีพลเมืองดีโทรฯ แจ้ง 1669 ให้มาช่วยพ่อ (เคสฉุกเฉิน ) และนำส่ง รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.

ซึ่งต่อมาเช้าวันที่ 26 เม.ย. พ่อหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งหลังจากนั้นก็มีเบอร์โทรศัพท์มือถือโทรฯ เข้ามา ซึ่งเป็นของทีมกู้ชีพของ รพ.เอกชนที่ประจำสนามบิน เป็นคนนำส่งคุณพ่อมาที่ รพ. ให้ไปจ่ายเงิน 13,000 บาท อ้างว่าเป็นค่ารักษาและค่าอุปกรณ์ ก่อนนำตัวส่งที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง”

ซึ่งตนได้สอบถามว่าทำไมจึงคิดค่าบริการ เพราะเคสของคุณพ่อเป็นเคสฉุกเฉินอยู่แล้ว สามารถทำเรื่องเบิกกับทางรัฐบาลได้ ทางกู้ชีพของ รพ.เอกชน ได้แจ้งว่า ทีมกู้ชีพเอกชนดังกล่าวไม่ได้อยู่ในระบบ สพฉ. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ถ้ามีเหตุเกิดในสนามบิน เจ้าของหรือตนต้องเป็นผู้ดำเนินการอย่างเดียว พร้อมทั้งบอกอีกว่า พื้นที่สนามบินตรงนั้นเป็นเขตปกครองพิเศษ เป็นพื้นที่ดูแลของเอกชน รถพยาบาลในระบบ หรือมูลนิธิ ไม่สามารถเข้ามารับได้ ทำให้เอกชนต้องเป็นคนนำส่งพ่อไปที่ รพ.เอกชนดังกล่าว

นอกจากนี้ นายภัคพล ยังเล่าต่อว่า ทำไมยังต้องเก็บค่าบริการ ทั้งๆ ที่เป็นเคสฉุกเฉินรถกู้ภัยสามารถทำเรื่องเบิกได้ และติดใจว่าหากเป็นคนหาเช้ากินค่ำที่ไม่มีเงินจะทำอย่างไร ต้องหาเงินจากไหนมาจ่ายกัน ตนทำงานอาสากู้ภัยมา 20 ปี ไม่เคยเก็บเงินกับผู้ประสบอุบัติเหตุเลย อย่างที่บอกไป หากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษจริง แล้วคนจนจะไม่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือหรืออย่างไร ตนยังย้ำอีกว่าเคสของพ่อเป็นเคสฉุกเฉินที่ควรได้รับการช่วยเหลือทันที แต่กลับมีการเก็บค่าใช้จ่าย โดยที่ผู้ประสบอุบัติเหตุไม่มีทางเลือกให้ประชาชนเลย เหมือนกับมัดมือชก

ซึ่งหากปล่อยให้รถกูภัยของ สพฉ. เข้ามารับผู้ประสบภัยก็อาจจะไม่ต้องเสียค่าบริการ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทางศูนย์แจ้งเหตุสมุทรปราการได้คุยกับตนแล้ว วันและช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ทางศูนย์ฯ ได้ทำการเช็กเบอร์โทรฯ มาแล้วว่าไม่มีการแจ้งเหตุเข้ามา แต่หากมีการแจ้งเข้ามา ทางศูนย์ก็สามารถส่งรถกู้ภัยที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปรับได้แน่นอน

ทั้งนี้ตนก็คงต้องรอจัดงานศพของพ่อให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะต้องไปจัดการเรื่องเงิน เพราะตอนนี้ตนก็มีเงินไม่มากพอ แถมไม่รู้ว่าต้องใช้จ่ายงานศพของพ่ออีกเท่าไหร่ สุดท้ายอยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จัดแผนนี้ หากเป็นประชาชนหาเช้ากินค่ำที่ไม่มีเงินมากพอจะทำอย่างไรได้ คนเราไม่รู้จะตายวันไหน ยิ่งหากเกิดเคสแบบนี้อาจจะทำให้หลายคนเครียดเรื่องเงินไปมากกว่านี้ก็ได้

ประชาชนทุกคนควรเข้าถึงสิทธิตรงนี้ ญาติทุกคนไม่ได้มีเงินเสมอไป เราสูญเสียอยู่แล้ว ยิ่งเจอแบบนี้เหมือนเป็นการซ้ำเติมซ้ำอีก ตนจึงอยากเป็นกระบอกเสียงสะท้อนให้ศูนย์เอราวัณ หรือ สพฉ. มีอำนาจเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เอกชน หรือสถานที่ใดก็ตาม หากได้รับแจ้งเหตุ โดยไม่มีการขวาง ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบที่ตนเจอ ซึ่งอาจจะทำให้คนที่ไม่มีเงินเครียดเพิ่มจากเดิมอีกด้วย..

ชมคลิป