เมื่อวันที่ 27 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ แถลงผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทีมกระทรวงศึกษาธิการ (MOE One team) ได้ร่วมกันผลักดันคุณภาพการศึกษาไทย สร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจให้กับสังคม “TRUST” พร้อมสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานทุกระดับ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภาคการศึกษาต่อการพัฒนาประเทศในทุกมิติตั้งแต่มิติเพื่อผู้เรียน For Learners ศธ.ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา โดยดำเนินการภายใต้ ศูนย์ “MOE Safety Center” ขณะเดียวกันให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ภายใต้โครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” เพื่อค้นหา ติดตามเด็กตกหล่น และออกกลางคัน กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา และโครงการ “อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” เพื่อให้ผู้เรียนที่ขาดโอกาส ได้เรียนฟรี มีที่พักมาตรฐาน ส่วนเด็กด้อยโอกาสและผู้มีความจำเป็นพิเศษ ได้รับโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาจากการจัดตั้ง “ศูนย์การเรียนสำหรับเด็กในโรงพยาบาลทั่วประเทศ”

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีมิติเพื่อคุณภาพการการเรียนการสอน FOR QUALITY TEACHING ศธ. ได้จัดทำ “หลักสูตรฐานสมรรถนะ การศึกษาขั้นพื้นฐาน” เน้นสมรรถนะหลักที่สำคัญสำหรับเด็ก 6 ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยหลักสูตร “Active Learning” ซึ่งเป็นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ ไปสู่การมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาทักษะอาชีพของผู้เรียน โดยจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาอาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ กระทรวงศึกษาธิการ ประจำจังหวัด” และ “ศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา” ตามความเป็นเลิศของแต่ละสถานศึกษาและตามบริบทเชิงพื้นที่ อีกแนวทางที่สำคัญ คือ โครงการ “โรงเรียนคุณภาพ” ซึ่งต่อยอดจากโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล โรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง และโรงเรียนที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีความหลากหลาย รองรับศักยภาพของผู้เรียนที่แตกต่างกัน มิติเพื่อชุมชนและสังคม FOR THE BENEFIT OF COMMUNITY & SOCIETY ศธ. ให้ความสำคัญกับ “การศึกษาตลอดชีวิต” ให้แก่ประชาชนทุกช่วงวัย อย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมถึงมิติเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา For Teachers and Educational Personnel ได้กำหนดโมเดล “การแก้ไขปัญหาบ้านพักครูทั้งระบบ” สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครู เพื่อความปลอดภัยและลดภาระค่าใช้จ่าย ในขณะเดียวกันเร่งแก้ปัญหา “หนี้สินครู” โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน เพื่อช่วยเหลือด้านหนี้สินครูทั้งระบบ ที่สะสมรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท

“เราจะต้องทำการศึกษาทุกมิติให้เกิดความต่อเนื่อง และการศึกษาจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โลกเปลี่ยนไปและการศึกษาจะต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาครู การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียน ซึ่งเราจะต้องเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลง รวมถึงการเติมเต็มคุณภาพของผู้เรียนจากสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราต้องเรียนผ่านออนไลน์เกือบ 2 ปี ดังนั้นเราจะต้องฟื้นฟูทักษะที่ขาดไปให้แก่ผู้เรียน อย่างไรก็ตามดิฉันขอย้ำการทำงานกับทุกองค์กรหลัก ศธ.จะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นหัวใจดวงเดียวกัน เพื่อให้การศึกษาขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน” น.ส.ตรีนุช กล่าว