สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูง ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนปะทุ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา หันไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นการทดแทน


รายการราคาน้ำมันของกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระบุราคาน้ำมันเบนซินธรรมดาอยู่ที่ 5,150 เรียล ( ราว 43.7 บาท ) ต่อลิตร และราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 5,500 เรียล ( ราว 47 บาท ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 และร้อยละ 23.5 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงกลางเดือนก.พ. ที่่ผ่านมา


ซวน ซัม อัธ คนขับรถเมล์ วัย 49 ปี บอกกับสำนักข่าวซินหัวว่า ผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา ได้เปลี่ยนมาขึ้นรถเมล์สาธารณะ เพื่อประหยัดค่าน้ำมัน ทำให้ตอนนี้มีคนขึ้นรถเมล์ต่อเที่ยว 30 คนหรือมากกว่านั้น ขึ้นกับว่าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนหรือเวลาปกติ สวนทางกับเมื่อก่อน ที่บางครั้งมีผู้โดยสารแค่คนเดียว หรือไม่มีเลย


เอี่ยม สาวุธ นักศึกษามหาวิทยาลัย วัย 23 ปี กล่าวว่า เขาเปลี่ยนมาขึ้นรถเมล์เมื่อไม่นานนี้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น การเดินทางรูปแบบนี้เสียเงินแค่ 1,500 เรียล ( ราว 12.7 บาท ) ต่อเที่ยว และยังสะดวกสบาย เพราะเครื่องปรับอากาศคุณภาพค่อนข้างดี ไม่เหมือนกับตอนใช้จักรยานยนต์ ซึ่งอาจทำให้ร้อนและเปียกเวลาฝนตก และค่าใช้จ่ายก็เยอะด้วย


ด้านซก สะเวือน แม่บ้านวัย 43 ปี เผยว่า การเดินทางด้วยรถเมล์นั้นใช้เงินแค่ 1,500 เรียลต่อเที่ยว และยังมีความปลอดภัย แต่ถ้าใช้รถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ของตัวเองจะเปลืองน้ำมันมาก หรือถ้าเรียกบริการจักรยานยนต์รับจ้าง ก็ต้องเสียเงิน 30,000-50,000 เรียล ( ราว 254.6-424.4 บาท )


ทั้งนี้ กรุงพนมเปญกลับมาให้บริการรถประจำทางอีกครั้ง ตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากระงับนานเกือบสองปี เพราะการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 โดยรถประจำทางที่ให้บริการผู้โดยสาร เป็นส่วนหนึ่งของรถประจำทางอัจฉริยะ “อวี่ทง” ( Yutong ) ซึ่งรัฐบาลจีนบริจาคให้กัมพูชา จำนวน 98 คัน เมื่อเดือนก.ค. 2560.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA