ชัยชนะเหนือสิงคโปร์ กระชากสถานการณ์ “ช้างศึก” ดีขึ้นราวเหวกับฟ้า

ดีขึ้นทั้งในแง่ของผลการแข่งขัน โอกาสเข้ารอบ และสภาพจิตใจ

มาโน โพลกิง บอกว่านัดแพ้มาเลเซีย 1-2 นั้น เขาพอใจเกมครึ่งแรกอย่างมาก ถ้าเล่นได้แบบนี้ ก็ไม่ต้องกลัวใคร ยูเทิร์นอยู่ตรงเสาไฟฟ้าข้างหน้านี่เอง

การจัดตัวก็แสดงว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ

เปลี่ยน 3 ตำแหน่งในเกมรับ โดย 1 ตำแหน่ง จำเป็นต้องเปลี่ยน อนุศักดิ์ ใจเพชร แทน โจนาธาร เข็มดี ที่ติดแบน

นาคิน วิเศษชาติ แบ๊กขวาอาชีพ ลงแทน จักรกริช พาละพล ส่วนซ้ายมีเซอร์ไพรส์ อิรฟาน ดอเลาะ ที่ปกติเล่นกลาง มาแทน จตุรพัช สัทธรรม

นอกนั้นเหมือนเดิมหมด เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ว่าเจ็บ ก็ลงได้

แต่จะด้วยเอฟเฟคต์ช็อกจากนัดแรก หรืออย่างไรไม่แน่ใจ ครึ่งแรกเป็นเกมที่ตื้อ ตัน อึดอัด ไม่มีใครเหนือกันนัก เหมือนดำน้ำวัดความอึด

ทว่า เบนจามิน เดวิส มาเรียกประตูให้ไทยถูกเวลา จากการลุยไปโดนสกัดเป็นจุดโทษ และเขามายิงเอง เป็นลูกแรกในนามทีมชาติ

นี่คือจุดเริ่มของจุดเปลี่ยน

และเมื่อเปิดครึ่งหลัง เรามาได้ 2 ประตูรวด ทิ้ง 3-0 ก็เป็นอันจบข่าว สิงคโปร์ ดิ้นไม่ออกแล้ว เอกนิษฐ์ ปัญญา วันนี้ยิง 2 ลูก เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง

นอกจากชัยชนะนัดแรก 3 แต้มแรก การกลับมาสู่เส้นทางแล้ว สภาพจิตใจสำคัญ ซึ่งถึงตอนนี้ โลกของช้างศึกสดใส คลายความเครียดไปเยอะ

เดินกลับเข้ามุมแบบไม่เพลี่ยงพล้ำจนพลั้งพลาด ปิดเทอมเล็ก 4 วัน หายใจหายคอ อัพเกรดตัวเอง แล้วมาเจอกันอีกทีวันที่ 14 พ.ค.

ในการพบกับ กัมพูชา ของ เคสึเกะ ฮอนดะ ที่วันนี้ขยี้ลาว 4-1 โผล่ขึ้นมาท้าชิงเข้ารอบเต็มตัว

จากเกมที่ก่อนหน้านี้เคยมองว่าไม่ยาก

แต่ถึงวันนี้ จากเกมไม่ยาก ก็ชักไม่แน่

แปรเปลี่ยนเป็นนัดสำคัญในการชี้ชะตาเข้ารอบ

เป็นจุดเปลี่ยนที่ 2 และเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ ที่ช้างศึกต้องผ่านไปให้ได้.

*** วุฒินล ***