ดังนั้นแสงสปอตไลต์จึงต้องจับจ้องไปที่นักการเมืองคนสำคัญที่ถูกจับตามองมากที่สุด กับบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ ที่รัฐบาลต้องหวั่นไหว เพราะเป็น “คลื่นใต้น้ำ” ที่ทำให้รัฐนาวา “ประยุทธ์” ต้องสั่นสะเทือนอยู่ไม่ครบวาระได้ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) มาเปิดใจเป็นที่แรกกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนล่าสุด ซึ่งมีทิศทางทางการเมืองอย่างไร หลังจากเดินออกจากพรรคพลังประชารัฐ

โดย “ร.อ.ธรรมนัส” เปิดฉากกล่าวว่า ศท.จะเน้นเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นที่ตั้ง เนื่องจากโครงสร้างประเทศไทยเป็นโครงสร้างที่เหมือนสามเหลี่ยมพีระมิด ฐานรากซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศกระจายอยู่ทั้ง 77 จังหวัดถือว่ามีความสำคัญมาก เราต้องทำให้มีความเข้มแข็งก่อน ถ้าเขาสามารถดูแลตัวเองได้ ชีวิตมีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ตรงนี้จะส่งผลขึ้นมาถึงระดับกลางและระดับใหญ่ ซึ่งก็จะเป็นผลดีถึงคนระดับ เอสเอ็มอี ระดับกลาง และระดับสูง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยตรงนี้จะถือเป็นนโยบายหลักของพรรคด้วย

@ หากมีการเลือกตั้งคิดว่าจะได้ ส.ส.เท่าไหร่

การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่รู้ว่าเวลาที่จะเลือกตั้งจะเป็นปีนี้ หรือเดือน มี.ค.66 ถามว่า ณ เวลานี้ เรามีพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่เต็มไปหมด พรรคการเมืองใหญ่ๆ อย่างพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มี ส.ส.มากกว่า 50 คนขึ้นไป ถามว่าเราก็ถือเป็นพรรคใหม่ ถ้าจะต้องคาดหวังว่าจะต้องมี ส.ส.เท่าไหร่ ณ เวลานี้ ศท.มี ส.ส.18 คน ซึ่ง 1 ใน 18 เรากำลังมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่จังหวัดลำปาง ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้เราได้รับชัยชนะ ถามว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้า ผมมั่นใจว่าจะต้องมากกว่า 18 เสียง ซึ่งทั้ง 18 คนนี้จะต้องกลับมาเป็น ส.ส.อีกครั้ง ส่วนจะมากกว่าเท่าไหร่นั้นยังพูดไม่ได้ เพราะเร็วเกินไป

ส่วนเรื่องของ “ว่าที่นายกรัฐมนตรี” ศท. ในพรรคได้หารือกันตลอดว่า ควรจะหาบุคคลภายนอกหรือจะเอาคนภายในพรรค ตรงนี้ต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือฟังเสียงสมาชิกพรรค ณ ตอนนี้เรามีเกือบทุกจังหวัด มีตัวแทนเขตครบทั้ง77 จังหวัด พร้อมส่งเลือกตั้ง 400 เขต หรือ 450 เขต ถ้ามี

@ จุดยืนพรรค ศท. ในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นอย่างไรในฐานะที่ยังเป็นพรรคร่วมพรรครัฐบาล

คำถามนี้เป็นการตอบถึงเหตุผลที่ทำไมครั้งที่แล้ว ศท.ถึงรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระแรก เพราะผมเชื่อว่าประชาชนเข้าใจผมว่าทำไมพรรคถึงรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 เพราะการรับร่างเป็น “วาระแรก” ซึ่งเรายังไม่ได้มีการศึกษาว่าเนื้อหาสาระในงบประมาณปี 2566 มีอะไรบ้าง ถ้าจะไปคว่ำเลยคงไม่ใช่ เพราะตรงนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ ถ้าคว่ำร่างจะกระทบทันที แต่สิ่งสำคัญคือการพิจารณาวาระ 2 ซึ่งเป็นวาระแห่งการกลั่นกรอง ซึ่งจะต้องตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก ถ้าตัดแล้วไม่ฟังกัน วาระ 2 วาระ 3 ก็ต้องมาดูอีกที ไม่ใช่จะให้ผ่านไปได้ ซึ่งตรงนี้สังคมต้องเห็น ก็อยากจะให้สังคมได้เห็น เพราะมีนักการเมืองบางคนเอาไปพาดหัวว่าเราซูเอี๋ย เล่นละคร ซึ่งไม่ใช่

ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่ฝ่ายค้านยื่น 11 คน มีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 10 คน เราจะแสดงความเป็นตัวตนของพรรคศท.ให้เห็น ถ้าหากคุณผิดตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติกล่าวหาก็อย่าหวังว่าเราจะไปสนับสนุน ไม่มี ไม่ว่าใครทั้งนั้น ซึ่งผมและพรรค ศท.จะดูเป็นรายบุคคลและดูตามข้อเท็จจริง เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ คน หากสามารถชี้แจงได้ว่าไม่ผิด มีเหตุมีผลก็ต้องดูและให้ความยุติธรรมทั้ง ฝ่าย แต่รัฐมนตรีบางคนซึ่งปรากฏชัดเจนว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อปีที่แล้วผิดชัดเจนก็ยังให้ผ่าน แบบนี้คงไม่ใช่พรรค ศท. เราเป็นสถาบันการเมือง จะให้วิปมาคอยชี้หรือสั่งยกมือแบบนั้นแบบนี้ คงไม่ใช่ ซึ่งเป็นสภาพที่ผมไม่โอเค รับไม่ได้ เราเป็น ส.ส.ต้องมีศักดิ์ศรี เป็นตัวแทนพี่น้องชาวไทย ถ้าทำแบบนั้นคือหมดสภาพ

@ ความเคลื่อนไหวของ “ผู้กองนัส” ทำให้ความสัมพันธ์ “3 ป.” มีรอยร้าว และ “ผู้กองนัส” เองดูเหมือนไม่ลงรอยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ข้อเท็จจริง ตรงนี้เป็นอย่างไร

“ตั้งแต่ผมออกมาและคุยกับนายกรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ผมก็ไม่เคยคุยกับนายกฯอีกเลย และท่านก็ทำงานของท่าน ผมก็มีทิศทางของผมในการทำงานพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นอันไหนที่ถูกผมก็บอกว่าถูก อันไหนที่ผิดผมก็บอกว่าผิด เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ ความผูกพันกันนั้นผมไม่มี ส่วนความแตกต่างระหว่างนายกฯ กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผมย่อมมีความผูกพัน ผมยังเคารพนับถือหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ใช่เรื่องการเมือง หลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนผมก็ไปหา เพราะหน่วยงานที่ พล.อ.ประวิตร กำกับดูแลทั้งเรื่องที่ดิน เรื่องน้ำ ผมก็ไปขอความช่วยเหลือ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ประชาชน แต่ทิศทางการเมือง พล.อ.ประวิตรก็ให้อภิสิทธิ์ ไม่เข้ามาก้าวก่าย

@ ความสัมพันธ์กับคุณทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างไร เพราะถูกมองว่ามีการ “ดีลลับ” สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อตั้งรัฐบาล

ถามว่ามีดีลลับหรือไม่ ผมยืนยันว่าไม่มี แต่ถ้าถามว่ารู้จักหรือไม่ รู้จักกัน ถามว่ายังติดต่อกันหรือไม่ ผมในฐานะที่เป็นรุ่นน้องนักเรียนเตรียมทหาร และอดีตนายผม คือ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เป็นเพื่อนรักกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องติดต่อใคร และผมก็มีเพื่อนๆ ในเพื่อไทยเต็มไปหมดเกือบทุกคนที่เป็น ส.ส.ปัจจุบัน ผมเข้าสู่วงการเมืองตั้งแต่ปี 42 ถึงแม้สมัยก่อนจะอยู่เบื้องหลัง จนการเลือกตั้งล่าสุดปี 62 ผมถึงออกมาอยู่เบื้องหน้า สมัยที่อยู่พรรคเพื่อไทย อยู่แบบบัญชีรายชื่อผมก็อยู่การเมืองมาพอสมควร ซึ่งจะมีพี่น้องเพื่อนฝูงในแวดวงที่รู้จัก ให้เกียรติซึ่งกันและกัน และคนอย่างผม 98 เปอร์เซ็นต์ ช่วยเหลือคน ไม่เคยเรียกร้องกับใคร 

@ อยากฝากพรรค ศท.กับประชาชนอย่างไร

พรรค ศท. มีเจตจำนงจะมาเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชาติ บ้านเมือง ประชาชน จะทำให้ดีที่สุด แต่อันไหนที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองและทำให้เดือดร้อนถึงพี่น้องประชาชน เราจะขัดขวางทุกเรื่องไม่ให้เกิดขึ้นเด็ดขาด แต่สิ่งสำคัญที่สุดพรรคศท.ยึดมั่นในเสาหลักของบ้านเมือง คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาโดยตลอด ดังนั้นใครก็ตามที่คิดจะเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญ พรรค ศท.คงไม่ใช่.