เปิดประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดการประชุม “อยุธยาร้อยดวงใจเป็นสะพานบุญ หนึ่งชีวิต เพื่ออีกหลายชีวิต” โดยมี นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม ณ ห้องประชุมอู่ทอง ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โดยมี สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 4 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนกว่า 100 คน ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมจะได้นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ในจัดบริการรับบริจาคดวงตาและอวัยวะภายในงานอีกด้วย

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวในการประชุมว่า เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และภาคีเครือข่ายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมมือกันดำเนินงานรับบริจาคดวงตาและอวัยวะอย่างต่อเนื่อง สำหรับการจัดประชุม “อยุธยาร้อยดวงใจ เป็นสะพานบุญ หนึ่งชีวิต เพื่ออีกหลายชีวิต” ในครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์แนวทางให้ความรู้และสร้างแรงจูงใจในการรับบริจาคดวงตาและอวัยวะนับเป็นการสร้างบุญกุศลยิ่งใหญ่สำหรับผู้เสียชีวิตและญาติ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี แลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวคิดการรับบริจาคดวงตาและอวัยวะของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพัฒนาแนวทางการจัดหาดวงตาและอวัยวะ รวมทั้งจะทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้นำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

วันต่อต้านยาเสพติด

วันที่ 26 มิถุนายน ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายในสนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีปิดกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติด ประจำปี 2565 พร้อมมอบรางวัลในการประกวดกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการ TO BE NUMBER ONE โดยมีนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ และได้รับเกียรติจากหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นักเรียน พนักงานจากสถานประกอบการ และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยภายในงานจัดให้มีการแสดงความสามารถของนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในโครงการ TO BE NUMBER ONE การจัดแสดงผลงานของนักเรียนที่เกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติด

นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรง และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การแก้ปัญหายาเสพติดไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยการดำเนินงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง จำเป็นที่จะต้องอาศัยกำลังจากทุกฝ่ายช่วยกระตุ้น เร่งรณรงค์ให้ปัญหายาเสพติดหมดสิ้นไป การจัดกิจกรรมในวันนี้ทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ ภาคเอกชนภาคประชาชน ได้ร่วมมือ ร่วมใจกัน จัดกิจกรรมในวันนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงโทษพิษภัยจากยาเสพติด สามารถป้องกันตนเอง ครอบครัว สังคม ได้รับรู้และเห็นถึงความสำคัญของวันต่อต้านยาเสพติดโลก และร่วมแสดงสัญลักษณ์ในการรวมพลังต่อต้านยาเสพติดโดยการสวมเสื้อสีขาว เพื่อให้ยาเสพติดหมดสิ้นไป เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับกลุ่มเป้าหมายถึงนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ที่ต้องการลดความเดือดร้อน ความทุกข์ยากของประชาชน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนปลอดภัยจากยาเสพติด (ศูนย์ภาคกลาง)

พัฒนาจาก 5 ด้าน เพิ่มอีก 7 ด้าน

นายธีรพล ขุนเมืองอดีตอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (มทรส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ มทรส.เปิดเผยว่าสภามหาวิทยาลัยฯ มีมติเห็นชอบในคราวประชุมประจำเดือนมิถุนายน 2565 ให้วางนโยบายและปรับเพิ่มทิศทางการพัฒนามหาวิทยาลัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยของชุมชน ก้าวสู่มืออาชีพในทุกด้าน โดยจากเดิมได้วางนโยบายหลักไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1) การจัดการศึกษาการส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงที่เน้นการปฏิบัติตลอดจนการผลิตครูวิชาชีพ 2) ด้านการวิจัยและพัฒนา 3) ด้านการให้บริการทางวิชาการในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแก่สังคม 4) ด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม 5) ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีการปรับเพิ่มนโยบายอีก 7 ด้านได้แก่ 1) ด้านการปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย จริยธรรม ธรรมาภิบาล และกรอบเวลา 2) ด้านการตรวจสอบการเงิน การบัญชีการจัดซื้อจัดจ้าง การปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับและมุ่งผลสัมฤทธิ์ 3) ด้านการบริหารทรัพย์สินและรายได้ 4) ด้านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารมหาวิทยาลัย 5) ด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย 6) ด้านการพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความมั่นคงสวัสดิการที่ดีมีขวัญกำลังใจ และมีคุณธรรม และ 7) ด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษามีบทบาทสำคัญและเป็นแบบอย่างแก่สังคมโดยรวม ในการเสริมสร้างพื้นฐานของการพัฒนากำลังคนของประเทศและการขับเคลื่อนประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าตามนโยบายของรัฐ โดยเน้นเชิงปริมาณและคุณภาพควบคู่กันไปในการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพ เพื่อก้าวสู่การทำงานอย่างมั่นคง เป็นทั้งคนดี คนเก่ง และมีคุณธรรม

นายธีรพล กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัย มทรส.พิจารณายกร่างนโยบายข้างต้นเพื่อถือเป็นแนวปฏิบัติให้แก่บุคลากร ของ มทรส.ทั้งนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดการอุดมศึกษาที่กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันศึกษาด้านวิชาชีพและเทคโนโลยีส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูงที่เน้นการปฏิบัติ ซึ่งจากการประเมินคุณภาพประจำปี 2563 ถึง 2565 มทรส. อยู่ในระดับการประเมิน “ระดับดี” มาโดยตลอด และในปี 2566 สภามหาวิทยาลัยฯ เห็นชอบให้ตั้งเป้าปี 66 ให้เพิ่มมากขึ้นใน ระดับสูงสุดคือ “ดีมาก” โดยเฉพาะด้านการผลิตบัณฑิต ซึ่งมั่นใจว่านักศึกษาทุกคนที่เรียนจะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

แก้ไขเสาไฟฟ้า

นายพายัพ คชพลายุกต์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากการที่ปรากฏในข่าวสื่อสังคมออนไลน์ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เสาไฟที่ไร้แสง 4 ปีเปิดไม่เคยติด” จากนั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบและติดตามเสาไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณทางเข้า อบต.ลาดน้ำเค็ม จำนวน 7 ต้น ซึ่งสร้างเสร็จเรียบร้อยแต่ไม่มีการเปิดใช้งาน  โดยเป็นโครงการรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้งบประมาณ 470,000  บาท วันสิ้นสุดสัญญา 9  ธันวาคม 2561 พิกัดอยู่บริเวณทางแยกทางหลวงชนบทหมายเลข อย.4031 เชื่อมทางเข้าหมู่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ลาดน้ำเค็ม อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จากการสอบถามประชาชนในพื้นที่พบว่า ไฟฟ้าไม่สว่างมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว 

ดังนั้น ป.ป.ช.อยุธยา จึงประสานไปยัง อบจ.พระนครศรีอยุธยา ผู้รับผิดชอบโครงการ พบว่า เหตุที่ไม่เปิดใช้งานเนื่องจากผู้รับเหมาทิ้งงาน และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ เพื่อเข้าดำเนินการโครงการต่อให้แล้วเสร็จ ล่าสุด อบจ.อยุธยา ได้ผู้รับจ้างดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้เสาไฟฟ้าทำงานส่องสว่างให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดพบเห็นสิ่งปลูกสร้างทิ้งร้างไม่ได้ใช้ประโยชน์ สามารถแจ้ง ป.ป.ช. ได้ทันที ที่ 1205 หรือ 0-3532-9030 (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

ตำรวจซ้อมแผน

สถานีตำรวจภูธรค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ซ้อมแผนเผชิญเหตุทำร้ายร่างกายในโรงพยาบาลวันนี้ 22 มิ.ย.2565 ภายใต้การอำนวยการ พ.ต อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ รอง ผบก.ภ.จว.สิงห์บุรี พ.ต.อ.จอมพล รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สภ.ค่ายบางระจัน พ.ต.ท.ณัฐพัชร์ สังข์ประเสริฐ สว.สภ.โพทะเล พิสูจน์หลักฐาน สิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ค่ายบางระจัน รพ.ค่ายบางระจัน ได้ร่วมซ้อมแผนเผชิญเหตุทำร้ายร่างกาย (เหตุ 200) บริเวณ รพ.ค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)

กวดขันวินัยจราจร

เมื่อเร็วๆนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าโรงเรียนชัยนาทพิทยาคม อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท นายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยนาท สำนักงาน คปภ. จังหวัดชัยนาท และบริษัทกลางฯ สาขาชัยนาท ร่วมลงพื้นที่กวดขันวินัยจราจร เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสร้างวินัยจราจรโดยเน้นย้ำผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย 100 % ทั้งนี้ จังหวัดชัยนาท ได้มีการประชาสัมพันธ์และรณรงค์การบังคับใช้กฎหมายการจราจรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน สร้างความปลอดภัยพร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท โดยย้ำถึงความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และขอความร่วมมือผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย สวมใส่หมวกนิรภัยและมีสายรัดใต้คางทุกครั้ง เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน และรณรงค์การหยุดรถให้คนเดินถนนได้ข้ามถนนอย่างปลอดภัยบนทางม้าลาย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุทางถนน (สุรพล บำรุงศรี – วรชล ฟักขาว / ชัยนาท)

วันสถาปนาเทศบาลตาคลี

เทศบาลเมืองตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา ซึ่งจัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลตาคลี โดยยกฐานะจากสุขาภิบาลตำบลตาคลี ตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2524 (เป็นเวลา 41 ปี) และต่อมาได้ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558

นางเพลินพิศ ศรีภพ นายกเทศมนตรีเมืองตาคลี เป็นประธานในพิธีจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายจตุปัจจัยเครื่องไชยธรรมแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นสิริมงคลสำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี นายกเล็กเมืองตาคลี กล่าวว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความใกล้ชิดกับประชาชน มีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน ในการจัดงานในวันนี้ เพื่อให้เกิดการตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบและความภาคภูมิใจในองค์กร จึงจัดกิจกรรมวันคล้ายสถาปนาเทศบาลประจำปี 2565 โดยมีการทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง ทำกิจกรรม 5 ส. พัฒนาสถานที่ที่ปฏิบัติงาน ปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณอาคารสำนักงานเทศบาลเมืองตาคลี เพื่อความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย และเป็นเทศบาลเมืองตาคลีที่น่าอยู่ต่อไป (กิตติ์ธเนศ พัวพรพงษ์ / นครสวรรค์)

ชวนเที่ยว ลำน้ำแม่ลา

องค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี ได้จัดทำโครงการ อบจ.สิงห์บุรี ชวนเที่ยว “ลำน้ำแม่ลา และอุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์” โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการ นายก อบจ.สิงห์บุรี และนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรอบลำแม่ลาเข้าร่วมกิจกรรม

สำหรับรายละเอียดภายในงาน มีการล่องเรือสำรวจเส้นทางการท่องเที่ยวลำน้ำแม่ลา เพื่อศึกษาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวิถีชีวิต เส้นทางวัดสะเดา-ท่าเทียบเรือร้านอาหารบ้านสวนแม่ลาการ้อง ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร ต่อด้วยการสำรวจเส้นทางปั่นจักรยานส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา เส้นทางร้านอาหารบ้านสวนแม่ลาการ้อง-อุทยานแม่ลามหาราชานุสรณ์ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร

หลังจากนั้น ได้มีการจัดเสวนา ระดมความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ เพื่อหาทางพัฒนาพื้นที่ลำแม่ลาและโดยรอบ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ สามารถสร้างความประทับใจ และจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางแวะมาเยี่ยมชมอย่างยั่งยืนต่อไป (อำนาจ สุขเย็น / สิงห์บุรี)

ฟุตบอลอาวุโสอยุธยา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพรัช เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มาเป็นประธานมอบเกียรติบัตร ณ ห้องอาหารตะเพียนทอง โรงแรมอยุธยาแกรนด์ โดยมีนายเผอิญ ไทยสม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ พระนครศรีอยุธยา ร่วม และมีนายนเรศ สุขปรีดี ผู้จัดการทีมฟุตบอลอาวุโสแห่งชาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับพร้อมคณะนักฟุตบอล

โดยนายงาน นายไพรัช ได้กล่าวให้แนวคิดในการดำเนินการของทีมฟุตบอลอาวุโส ในการดำเนินการของทีมฟุตบอลอาวุโส แสดงความยินดีที่มีการรวมตัวของอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ นักฟุตบอล โค้ช และผู้ให้การสนับสนุน ที่มีความตั้งใจที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดในการแข่งขัน โดยทีมดังกล่าวยังไม่มีหน่วยงานใดที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนทีมอาวุโสนี้ แต่ก็สามารถรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น และยังเป็นการออกกำลังกาย สร้างความแข็งแรงอีกด้วย

จากนั้น นายไพรัช ได้แจกเกียรติบัตรให้กับนักฟุตบอล พร้อมกับนายเผอิญ ได้ร่วมแจกเงินและของชำร่วย ให้กับทุกคนในทีม โดยมีนายวิทยา ภิรมย์พานิช ให้การสนับสนุนกับทีมฟุตบอลอาวุโสในครั้งนี้ (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

พัฒนาองค์ความรู้

เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ที่ศูนย์ฝึกอบรมเครือซิเมนต์ไทย ตำบลม่วงน้อย อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานร่วมกับ นายศาณิต เกษสุวรรณ ประธานกิตติมศักดิ์ ร่วมกันเปิดการอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารหลักสูตรการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และแนวทางการทำงานร่วมกัน ระหว่างหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ประจำปีงบประมาณ 2565

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น นายอำเภอ และภาคเอกชน จำนวน 40 คน รวม 2 กิจกรรมประกอบด้วยกิจกรรมการอบรมให้ความรู้ภาควิชาการ ระหว่าง วันที่ 23-24 มิ.ย.65 โดยมีประเด็นหัวข้อการเรียนรู้ที่สำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ แนวคิดการบริการ จัดการเปลี่ยนแปลงและแนวทางปฏิบัติจริง การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมและแนวคิดการบริหารองค์กรยุคใหม่ที่มุ่งเน้น “คน” เป็นหัวใจสำคัญ (สมนึก สุขีรัตน์ / สระบุรี)

ตลาดรู้ใจ@ริมน้ำสะแกกรัง

ที่บริเวณลานสุพรรณิการ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี นายพีระพล ตัณฑโอภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเชื่อมโยงช่องทางการตลาดในการสร้างรายได้จากกิจการอาหารปลอดภัยเปิด “ตลาดรู้ใจ@ริมน้ำสะแกกรัง” โดยมี นายสริห์ หอมหวน พัฒนาการจังหวัดอุทัยธานี นางสาวปานัดฌา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และประชาชน

นายพีระพล ตัณฑโอภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงช่องทางการตลาดรูปแบบตลาดนัดอาหารปลอดภัย “ตลาดรู้ใจ@ริมน้ำสะแกกรัง” เป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาชีพและรายได้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่สนับสนุนให้ประชาชนหรือกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียน OTOP หรือกลุ่มอาชีพที่หน่วยงานภาคี และคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐจังหวัดอุทัยธานีสนับสนุนเพื่อเป็นการพัฒนา ต่อยอด ขยายผล การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เน้นการขับเคลื่อนด้วยกลไกประชารัฐ สร้างเครือข่ายการผลิตอาหารปลอดภัย เชื่อมโยงเครือข่ายการตลาด สู่โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม ร้านอาหาร (4 ร) และมีสถานที่สำหรับการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ เกิดการกระจายรายได้และเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน มีเครือข่ายการแลกเปลี่ยนสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนสร้างความยั่งยืนในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้

จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี และนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี ได้มอบทุนอุปการะเด็กกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพพระรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 4 ราย

“ตลาดรู้ใจ@ริมน้ำสะแกกรัง” เปิดตลาด ทุกวันอาทิตย์ ณ ลานสุพรรณิการ์ หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี (ชนม์สวัสดิ์ ทองโพธิ์งาม / อุทัยธานี)

มอบถุงยังชีพ

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยกรดพัฒนา อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท มอบหมายให้ นายยุทธพร พิรุณสาร ปลัดจังหวัดชัยนาท เป็นประธานตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย ในพื้นที่อำเภอสรรคบุรี โดยมีรักษาการหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท ผู้แทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย ในพื้นที่อำเภอสรรคบุรี โดยมีนายอำเภออำเภอสรรคบุรี พร้อมด้วย กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับ

นายยุทธนา แรกขึ้น นายอำเภอสรรคบุรี รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2565 ได้เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอสรรคบุรี จำนวน 5 ตำบล ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวม 20 หลังคาเรือน และร้านค้า 1 แห่ง ประกอบด้วย ตำบลแพรกศรีราชา จำนวน 2 หลัง, ตำบลโพงาม จำนวน 5 หลัง, ตำบลห้วยกรดพัฒนา จำนวน 9 หลัง, ตำบลห้วยกรด จำนวน 2 หลัง และตำบลบางขุด จำนวน 3 หลัง

โอกาสนี้ ปลัดจังหวัดชัยนาท ได้นำข้อห่วงใยจากผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย พร้อมทั้งได้กล่าวให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพ สิ่งของอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้ประสบภัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากคณะสงฆ์จังหวัดชัยนาท โดยพระสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดชัยนาท สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ส่วนในการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอำเภอสรรคบุรี จะได้ดำเนินการสำรวจความและให้การช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป (สุรพล บำรุงศรี – วรชล ฟักขาว / ชัยนาท)

ต้อนรับคณะทูต

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ร่วมต้อนรับนายณัฐพงศ์ สิทธิชัย รองอธิบดีกรมการทูต และคณะ ในการสำรวจสถานที่เพื่อเตรียมการจัดโครงการนำคณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจำประเทศไทยพร้อมคู่สมรส ทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่จะมีขึ้นในวันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และเยี่ยมชมลพบุรีโซบาร์ ต.วังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัด ลพบุรี โดยมีนายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)

เปิดตัว “กล้วยผง”

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการถ่ายทอดเทคโนโลยีการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร ณ ไร่ไพวัลย์ กล้วยหอม จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาธิษฐ์ นากกระแสร์ รองอธิการบดีฝ่ายนโยบายและแผน ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยในปี 2565 มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยาการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ ณ ไร่ไพวัลย์ ซึ่งปลูกกล้วยหอมคาเวนดิช ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี และกำลังเป็นที่นิยมของตลาดในปัจจุบัน กล้วยหอมคาเวนดิช เป็นกล้วยหอมที่มีสรรพคุณหลากหลายมีคุณค่าทาโภชนาการ มีคาร์โบไฮเดรตที่จำเป็นต่อร่างกาย จากการสำรวจความต้องการของชุมชน พบว่า ผู้นำเกษตรกรไร่ไพวัลย์มีความต้องการที่จะแปรรูปกล้วยปลายหวีที่ถูกคัดออก มีลักษณะไม่สมบูรณ์ เพื่อเพิ่มมูลค่า ลดการสูญเสีย จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาแปรรูปกล้วยสดให้เป็น “กล้วยผง” เพื่อใช้เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผงชงดื่ม โดยภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้พัฒนาสูตรและกรรมวิธีการผลิตกล้วยผงชงดื่มโดยใช้เทคนิคอบแห้งแบบโฟมแมท ซึ่งใช้กล้อยหอมคาเวนดิชเป็นวัตถุดิบหลัก และโปรตีนเวย์เข้มข้น (WPC) เป็นสารก่อโฟม โดยมีการเพิ่มคอลลาเจนทำให้ได้ผลิตภัณฑ์กล้วยผงชงดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ (กฤษณพงศ์ อยู่รอด ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)