เรียกได้ว่าเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว สำหรับการต่อสัญญาของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ข่าวเรื่องการต่อสัญญาของ “บังโม” ซาไปจากพื้นที่สื่อ เท่าที่สาธารณชนรู้คือการเจรจาไม่คืบหน้า

ช่วงหลัง ชื่อของ ลิเวอร์พูล ที่ปรากฏบนพื้นที่สื่อ เป็นเรื่องการคว้า ดาร์วิน นูนเญซ และการปล่อย ซาดิโอ มาเน ออกไปมากกว่า

แต่อยู่ดี ๆ ซาลาห์ กลับต่อสัญญาเรียบร้อยโดยแทบไม่มีสื่อที่ระแคะระคาย ไม่มีข่าวประเภท จ่อต่อสัญญา หรือ Here We Go อย่างใดทั้งสิ้น ดูจากภาพที่เซ็นสัญญา “โม” ยังไม่กลับจากการไปพักผ่อนด้วยซ้ำ

การเซ็นสัญญาใหม่ของ ซาลาห์ ถึงปี 2025 ครั้งนี้ แม้ค่าเหนื่อยจะทะลุเพดานไปถึงสัปดาห์ละเกือบ 400,000 ปอนด์ แต่เชื่อว่ามันอาจไม่กระทบกับโครงสร้างค่าเหนื่อย คิดเร็ว ๆ คือเอาค่าเหนื่อย มาเน ไปโปะให้ ซาลาห์ ในขณะที่ค่าเหนื่อยของคนอื่น ๆ ในทีมถือว่ายังอยู่ในเพดาน และให้คาดการณ์ หลังจากนี้ “หงส์แดง” ก็ไม่น่าจะมีนักเตะใหม่เพิ่มแล้ว

แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่าเรื่องของการบริหารค่าเหนื่อย คือการทำให้สถานการณ์ในทีมมัน “นิ่ง” โดยเร็วที่สุด…

ที่ผ่านมา ความไม่แน่นอนของ “หงส์แดง” อยู่ที่เกมรุก จากการที่ทั้ง ซาลาห์ และ มาเน เหลือสัญญาปีเดียว แต่หลังจาก มาเน ย้ายออกไป เช่นเดียวกับ ทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิวอค โอริกี แล้วได้ นูนเญซ เข้ามา ดีโอโก โชตา และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน ยังอยู่ ปิดท้ายด้วยการต่อสัญญาของ ซาลาห์ เท่ากับว่าสถานการณ์ในแนวรุกของทีม “นิ่ง” แล้ว

ลองนึกสภาพ ซาลาห์ ลงเล่นฤดูกาลหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่หรือไปเมื่อจบซีซั่น มันคงกระอักกระอ่วนชอบกลทั้งคนเล่น ทั้งสโมสร ไปจนถึงแฟนบอล

ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งที่บอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อสนับสนุนการทำหน้าที่ในสนามของทีมและ เจอร์เกน คลอปป์

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือส่วนสำคัญมาก ๆ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ “หงส์แดง” มาไกลอย่างในปัจจุบัน

ผยองเดช