หลังจากสร้างประวัติศาสตร์ เป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญของการเคลื่อนไหวนำสหราชอาณาจักรลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) ตามการลงประชามติ เมื่อปี 2559 และการสร้างประวัติศาสตร์ นำพรรคอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปลายปี 2562 ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนถล่มทลายมากที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ และครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดพรรคเดียวในสภาสามัญ

ยิ่งไปกว่านั้น พรรคแกนนำฝ่ายค้านคือพรรคแรงงาน ยังคงไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ จากการที่พรรคอนุรักษนิยมยัดเยียดความปราชัยอันน่าหดหู่ที่สุดให้แก่พรรค ซึ่งสูญเสียที่นั่งมากที่สุด นับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปี 2478 ขณะที่บรรดาฝ่ายตรงข้ามและนักวิจารณ์ภายในพรรคอนุรักษนิยมเอง “ถูกปิดปากเงียบ” สถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ดูเหมือนทำให้” นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน มีเสถียรภาพที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน นับตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีมาร์กาเร็ต แธตเชอร์

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แถลงต่อที่ประชุมสภาสามัญ ในกรุงลอนดอน ท่ามกลางสายตาของสมาชิกพรรคอนุรักษนิยม

การขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมของจอห์นสัน เมื่อเดือนก.ค. 2562 ไม่ใช่เพราะสมาชิกส่วนใหญ่มีความนิยมชมชอบในตัวเขา แต่เป็นเพราะทุกคนมองสถานการณ์ในเวลานั้น ว่าจอห์นสัน “มีศักยภาพที่สุด” ในการเป็นแม่ทัพ นำพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไป แน่นอนว่าจอห์นสันทำสำเร็จ สามารถเจาะฐานเสียงของพรรคแรงงานได้กระจุยกระจาย หลายฝ่ายถึงขั้นมองว่า เรื่องนี้อาจช่วยให้จอห์นสันอยู่ในตำแหน่งผู้นำรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ไม่ต่ำกว่า 1 ทศวรรษ

อย่างไรก็ดี บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนไปชนิดที่เรียกได้ว่า “จากหน้ามือเป็นหลังมือ” หลังผ่านพ้นช่วงเวลาอันหอมหวานมาได้เพียง 2 ปีครึ่งเท่านั้น

กรณีเกี่ยวกับ “งานเลี้ยงอื้อฉาว” ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ภายในบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง ซึ่งเป็นทำเนียบนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร สร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักไปทั่วทั้งประเทศ ประชาชนแสดงความไม่พอใจอย่างหนัก ต่อการที่กิจกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2563

BBC

แม้นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ออกมาขอโทษด้วยตัวเอง และยอมรับว่าเข้าร่วมงานเลี้ยง “เพียงครั้งเดียว” สถานการณ์หลังจากนั้นดูเหมือนจะดีขึ้นบ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นาน “ระเบิดลูกใหญ่” ตกลงมาใส่ดาวนิงสตรีทอีก เมื่อสื่อมวลชนพร้อมใจกันเปิดโปง ว่ามีงานเลี้ยงครั้งหนึ่งเกิดขึ้นในคืนก่อนพระราชพิธีฝังพระศพ เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กระแสของความไม่พอใจยิ่งทวีคูณ

หลังจากนั้น จอห์นสันและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนจ่ายค่าปรับให้แก่ตำรวจตามกฎหมาย กระแสเรื่องนี้เบาบางลงไปบ้าง อย่างไรก็ตาม สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างหนักและเป็นวงกว้างต่อห่วงโซ่อุปทานโลก โดยอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรตอนนี้ พุ่งทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 9.1%

แม้ผลกระทบสืบเนื่องจากภาวะสงครามเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของจอห์นสัน แต่หลายฝ่ายวิเคราะห์ ว่าการที่ผู้นำสหราชอาณาจักรขึ้นภาษีผู้มีรายได้ปานกลาง ยิ่งเป็นการสร้างรอยร้าว และเพิ่มความเหลื่อมล้ำภายในสังคม

ประชาชนถือป้ายประท้วงรัฐบาล ใกล้กับอาคารรัฐสภา ที่เขตเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน

นอกจากนี้ ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งมีเสียงวิจารณ์ออกมามากขึ้น ว่านโยบายหลักของจอห์นสันและเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน คือเพื่อ “จัดการเรื่องเบร็กซิตให้เสร็จสิ้นเท่านั้น” ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่องอื้อฉาวของสมาชิกบางคนภายในพรรค ซึ่งกลับได้รับตำแหน่งในรัฐบาล ต่อให้ไม่ได้มีบทบาทเบื้องหน้ามากนัก ทว่าแน่นอนที่จะสร้างความไม่พอใจเป็นวงกว้าง

ในที่สุด จอห์นสันประกาศ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเท่ากับเป็นการเตรียมพ้นจากตำแหน่งผู้นำรัฐบาลสหราชอาณาจักรโดยปริยาย อย่างไรก็ดี เจ้าตัวยืนยันจะยังคงปฏิบัติหน้าที่รักษาการ จนกว่าผู้นำคนใหม่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง ถือได้ว่า จอห์นสังยังมีเวลาอีกหลายเดือนเพื่อจัดการเรื่องที่ค้างคาให้ลุล่วงมากที่สุด

การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ของสหราชอาณาจักร มีกำหนดเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2567 ซึ่งพรรคอนุรักษนิยมต้องสามารถหาเสียงกับชาวสหราชอาณาจักร ด้วยข้อเสนอที่ต้องมากกว่าเบร็กซิต มิเช่นนั้น แน่นอนว่าพรรคแรงงานจะหวนคืนสู่บัลลังก์อีกครั้ง และนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของสหราชอาณาจักร จะชื่อ “เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์”.

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : REUTERS