หากพูดถึงซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ต้องยกให้ หานเกิง นักแสดงและศิลปินคนดัง อดีตสมาชิกบอยแบนด์เคป็อปในตำนาน “ซูเปอร์ จูเนียร์” และ อู๋จิ่นเหยียน นางเอกคุณภาพ ที่มีผลงานแสดงมากมายการันตีฝีมือ ล่าสุดทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในผลงานดราม่าย้อนยุคเรื่องเยี่ยม “Legacy (ตำนานรัก หักเหลี่ยมสายเลือด)” ซีรีส์เอเชียออริจินัลภาษาจีนเรื่องใหม่ ซึ่งติดตามได้ทาง “HBO GO” ที่อัดแน่นทัพนักแสดงมากมาย พร้อมด้วยพลอตเรื่องที่น่าสนใจ สะท้อนเอกลักษณ์ ความเชื่อ ความรัก ครอบครัว และเลือดนักสู้ของชาวจีน

กับเรื่องราวที่ว่าด้วย ดราม่าภายใน “ตระกูลอี้” ที่มั่งคั่งในเซี่ยงไฮ้ในช่วงปี 1920 สามพี่น้อง อี้จงหลิง (รับบทโดย ฉินหลาน) , อี้จงยู่ (รับบทโดย อู๋จิ่นเหยียน) และ อี้จงซิ่ว (รับบทโดย จางหนาน) ต่างมีแรงจูงใจต่างกันไปเพื่อแย่งชิงกิจการห้างสรรพสินค้าของพ่อ หลังจากที่พี่ชายของพวกเธอซึ่งเป็นทายาทธุรกิจของครอบครัวตัดสินใจสละมรดก ท่ามกลางการแบ่งพรรคแบ่งพวก ความขัดแย้ง และเค้าลางร้ายที่กำลังก่อตัวของสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่น้องแย่งชิงทรัพย์สมบัติครอบครัวและอำนาจในเมืองอย่างไม่ลดละ

ขณะที่เรื่องของความรักก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เมื่อมี “ถังเฟิ่งอู๋” (รับบทโดย หานเกิง ) ได้เข้าพัวพันปั่นป่วนหัวใจ ระหว่างพี่น้อง อย่าง “จงยู่” และ “จงซิ่ว” ในช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ความวุ่นวายโกลาหลที่ทายาททั้งสามต้องเผชิญจะรวมพวกเธอกลับมาเป็นหนึ่งเดียวและร่วมกันกอบกู้ธุรกิจของครอบครัว หรือให้ผลตรงกันข้าม? ผลงานภายใต้การสร้างสรรค์ของ หยูเจิ้ง ซึ่งเคยฝากฝีมือและความประทับใจไว้ในซีรีส์ “Story of Yanxi Palace” และอำนวยการสร้างโดย หยางเล่อ ที่การันตีด้วยงานภาพที่ตระการตา

ล่าสุด “ฮาอึน” มีโอกาสได้สัมภาษณ์ หานเกิง และ อู๋จิ่นเหยียน แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงกาารได้มาแสดงครั้งนี้รวมถึงเปิดมุมมองทั้งในเรื่องความรักและครอบครัวด้วย

Q : เล่าถึงคาแรกเตอร์ของคุณทั้งคู่ให้ฟังหน่อย และเตรียมตัวมารับบทนี้ยังไงบ้าง ต้องทำการบ้านตรงไหนเป็นพิเศษบ้าง?

หานเกิง : คาแรกเตอร์ของ ‘ถังเฟิ่งอู๋’ ค่อนข้างมีจุดเด่นเฉพาะตัว ในด้านอารมณ์ความรู้สึก เขาจะมีความงุ่มง่ามและความดื้อรั้นในตัวของเขา ส่วนในด้านของการทำงาน เขาจะมีความเชื่อมั่นและตั้งใจแน่วแน่ ทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือทุกคน ซึ่งนี่ก็คือข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย แต่ในขณะเดียวกันคุณก็จะรู้สึกว่าตัวละครนี้มีความสดใสและมีชีวิตชีวาด้วยครับ สำหรับการเตรียมตัวในการรับบทนี้ เนื่องจากเขาเป็นนักการทูต ดังนั้นผมจึงต้องทำการบ้าน รวมถึงศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของนักการทูตเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวละครนี้ให้มากขึ้นครับ

อู๋จิ่นเหยียน : สำหรับ ‘อี้จงยู่’ เป็นคนที่ภายนอกดูหยิ่งและเด็ดเดี่ยวแต่ภายในจะเป็นคนที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อนมาก เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจ ด้วยความที่เธอมีชีวิตในช่วงวัยเด็กที่ไม่ค่อยมีความสุขนัก พ่อของเธอมีผู้หญิงและลูกคนใหม่ ส่วนแม่ของเธอก็ทำร้ายเธอเพียงเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจจากพ่อ ดังนั้นการที่เธอมีพ่อแม่แบบนี้ จงยู่เลยเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ขาดความรัก เธอจึงโหยหาความรักแต่ก็กลัวความรักและไม่กล้าที่จะมีความรัก ในช่วงแรก ๆ ทุกคนอาจจะคิดว่าตัวละครตัวนี้ค่อนข้างดุดันและไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ในสายตาของแฟน ๆ แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะสภาพแวดล้อมในครอบครัว ความดุร้ายเป็นเพียงสิ่งที่เธอมีหรือสร้างไว้เพื่อป้องกันตัว ในซีรีส์ตอนต่อ ๆ ไป เธอจะค่อย ๆ เรียนรู้วิธีที่จะรักและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้ทุกคนตั้งตารอชมนะคะ ส่วนการเตรียมตัวในการรับบทนี้ อย่างแรกเลยคือ ฉันต้องตั้งใจอ่านบทอย่างละเอียดหลาย ๆ รอบเลยค่ะ รวมถึงพูดคุยและปรึกษากับผู้กำกับด้วย เพื่อที่ตัวเองจะได้เข้าใจในตัวละครจงยู่มากขึ้น นอกจากนี้จะได้รู้ว่าถ้าจงยู่ต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอจะรู้สึกยังไง มีความสุขหรือว่าทุกข์ เธอจะถ่ายทอดและแสดงความรู้สึกในใจเหล่านั้นออกมาอย่างไรค่ะ

Q : บท “ถังเฟิ่งอู๋” ดูมีความลึกลับซับซ้อน ส่วนตัวคุณ “หานเกิง” คิดว่าอะไรคือความยากในการมารับบทนี้ ที่ทำให้คุณต้องโฟกัสมากที่สุด?

หานเกิง : ผมคิดว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดของบทนี้ก็น่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครถังเฟิ่งอู๋ในช่วงเวลาต่างๆครับ ในฐานะที่เขาเป็นนักการทูต เขาจะเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการในหน้าที่และประเทศชาติ รวมถึงเชื่อมั่นต่อความรู้สึกของตัวเขาเองด้วย พอมาถึงช่วงหลังไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกหรือความคิดของเขา ตัวผมเองต้องศึกษาทำการบ้านเพื่อที่จะตีความตัวละครว่าจะแสดงหรือถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาให้ดูไม่เคอะเขินและดูเป็นธรรมชาติได้อย่างไรครับ

Q : คาแรกเตอร์ “ถังเฟิ่งอู๋” มีส่วนไหนที่คลายคลึงและส่วนไหนที่แตกต่างจากคุณ “หานเกิง” อย่างชัดเจนบ้างมั้ย?

หานเกิง : ส่วนที่ผมกับถังเฟิ่งอู๋เหมือนกันก็คือความมุ่งมั่น ทั้งในแง่ของหน้าที่การงานและอารมณ์ความรู้สึก ส่วนที่แตกต่างกันก็คือในเรื่องของลักษณะนิสัย ถังเฟิ๋งอู๋จะเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัวและมีเหตุผลมากกว่า ส่วนผมเป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับคนอื่นง่ายและสบาย ๆ กว่าครับ

Q : ตัว “จงยู่” บทค่อนข้างดราม่าสูง ส่วนตัวคุณ “อู๋จิ่นเหยียน” คิดว่าความท้าทายในการแสดงบทบาทนี้คืออะไร?

อู๋จิ่นเหยียน : ความท้าทายคือในช่วงต้นตัวละคร ‘จงยู่’ จะมีข้อบกพร่องอยู่หลายอย่างเลย เธอต้องค่อย ๆ เรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อที่จะทำความเข้าใจในตัวละครจนสามารถตีความและแสดง รวมถึงถ่ายทอดความรู้สึกของเธอออกมาค่ะ

Q : ในเรื่องนี้มีนักแสดงนำหญิง 3 คนเป็นตัวเดินเรื่องหลัก โดยเฉพาะการที่จะขึ้นมาดูแลกิจการของวงศ์ตระกูล ส่วนตัวคุณคิดว่าผู้หญิงสามารถเป็นผู้นำในทางธุรกิจได้มั้ย?

อู๋จิ่นเหยียน : ได้แน่นอนค่ะ ฉันคิดว่าฝีมือหรือระดับความสามารถในการทำงานของแต่ละคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเพศไหน แต่อยู่ที่ว่าคน ๆ นั้นมีความมุ่งมั่น พยายามหรือขยันทำงานมากน้อยแค่ไหนค่ะ

Q : ส่วนตัวคุณให้คำนิยามกับ “ความรัก” ว่ายังไง?

หานเกิง : ผมว่าความรักมีคำจำกัดความที่แตกต่างกันไปมากมายเลยครับ ยกตัวอย่างจากในซีรีส์เรื่องนี้ที่นอกจากจะถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความรักแล้ว ก็ยังมีเรื่องของความรักชาติด้วย ผมคิดว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นความรักทั้งนั้น ความรักคืออารมณ์ความรู้สึกอันแรงกล้าและการให้โดยไม่เห็นแก่ตัวครับ

อู๋จิ่นเหยียน : ความรักคือความเชื่อมั่นไว้วางใจ อยู่เป็นเพื่อนกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกันค่ะ

Q : คุณแบ่งเวลาระหว่างครอบครัวกับหน้าที่การงานอย่างไร?

หานเกิง : “สำหรับตัวผม ทั้งครอบครัวและหน้าที่การงานล้วนสำคัญมาก ถ้าผมมีเวลาหลังเลิกงานมากขึ้น ผมก็มักจะใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวครับ ผมจะพยายามแบ่งเวลาให้กับทั้งสองอย่างให้เท่า ๆ กัน ผมคิดว่าการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักแสดงคนหนึ่งเลยครับ เพราะว่าพลังงานที่ได้รับจากครอบครัวนั้นยิ่งใหญ่มาก มันสามารถช่วยให้เราสร้างสรรค์ตัวละครที่สดใสและมีชีวิตชีวาได้มากยิ่งขึ้นครับ”

Q : หากชีวิตจริงคุณต้องเลือกระหว่างความรัก และธุรกิจของวงศ์ตระกูล คุณจะเลือกสิ่งไหน?

อู๋จิ่นเหยียน : ฉันน่าจะเลือกครอบครัวนะคะ ถึงแม้ว่ามันจะสำคัญทั้งสองอย่าง แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้ว ครอบครัวให้ชีวิตกับฉันและเลี้ยงดูให้ฉันเติบโตขึ้นมา ดังนั้นสำหรับตัวฉันแล้วคิดว่าครอบครัวมีความสำคัญมากกว่าค่ะ

Q : ซีรี่ส์เรื่องนี้จะออกสู่สายตาคนทั่วโลกด้วย โดยในเรื่องนอกจากเรื่องการเมืองและธุรกิจที่ยุ่งยากแล้ว เรื่องความรักก็ซับซ้อน ส่วนตัวคุณคิดว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ได้สะท้อนมุมมอง ความคิด หรือเอกลักษณ์สังคมของชาวจีนในแง่มุมไหนบ้างมั้ย?

อู๋จิ่นเหยียน : ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้สะท้อนลักษณะพิเศษของคนจีนสองเรื่องค่ะ เรื่องแรกคือเน้นความกตัญญูกตเวทีและความรักที่แข็งแกร่งแน่นแฟ้นภายในครอบครัว ส่วนเรื่องที่สองคือ ความรักชาติ เพราะเรื่อง เลกาซี่ (Legacy) เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวการส่งต่อความรักในหลาย ๆ รูปแบบ ความรักระหว่างพ่อแม่ลูก ความรักระหว่างพี่น้อง ความรักระหว่างคู่รัก และความรักต่อประเทศชาติค่ะ จริง ๆ มันเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวว่าตัวละครเรียนรู้ที่จะรักอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ตัวละคร ‘อี้จงยู่’ ที่ฉันแสดงในเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากของ ‘การเรียนรู้ที่จะรัก’ ในช่วงต้นเรื่องที่เธอกลับบ้านเพราะว่าเธออยากต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของครอบครัว แต่ที่จริงแล้วเธอต้องการแย่งชิงความรัก ในช่วงหลัง ๆ เธอถึงได้เรียนรู้ที่จะรักครอบครัวและคนรักของเธอ เธอค่อย ๆ เติบโตขึ้นค่ะ นอกจากนี้ในช่วงยุคนั้นเป็นยุคที่บ้านเมืองปั่นป่วนเนื่องจากการรุกรานจากต่างประเทศรวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ความรักของตระกูลอี้จึงส่งต่อความรักของครอบครัวเล็ก ๆ ไปสู่ความรักของทุกคน พูดง่าย ๆ คือ เมื่อมีศัตรูต่างชาติเข้ามา ทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นปึกแผ่น เมื่อประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองแล้ว ก็จะทำให้ครอบครัวใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขค่ะ

Q : ท้ายสุดคุณอยากให้แฟน ๆ ที่ดูได้ข้อคิดหรือ Message กลับออกไปมากที่สุด?

หานเกิง : ผมหวังว่าแฟน ๆ ที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จะเห็นถึงความสามัคคีในครอบครัวและความรักชาติ เมื่อประเทศชาติของเราแข็งแกร่ง ครอบครัวของเราถึงจะอุดมสมบูรณ์และมั่นคงได้ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรัก ดูแล และปฏิบัติต่อคนรอบข้างให้ดีด้วยครับ

อู๋จิ่นเหยียน : ก่อนอื่นเลยฉันหวังว่าทุกคนที่ได้ดูจะรู้สึกเพลิดเพลินและสนุกไปกับซีรีส์เรื่องนี้นะคะ นอกจากนี้ฉันก็หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้คนดูรู้สึกว่าความรักมีความสำคัญต่อพวกเราทุกคนมาก ดังนั้นเราควรทุกคนควรที่จะรักตัวเอง รักญาติพี่น้อง รักเพื่อนฝูง และรักประเทศชาติของเราค่ะ

ใครที่ชื่นชอบรสชาติดราม่าหนัก ๆ พร้อมสอดแทรกความเป็นคนจีน กับเรื่องราวความรักทั้งในแง่ครอบครัวและประเทศชาติ อย่าพลาดตามไปพิสูจน์ฝีมือการแสดงของ “หานเกิง” และ “อู๋จิ่นเหยียน” กัน

ฮาอึน