แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กระทืบภาพฝันที่สาวก เรด อาร์มี วาดเอาไว้ตลอดทั้งซัมเมอร์จนแหลกสลายคาเท้าด้วยการปล่อยให้ ไบรท์ตัน บุกมาเชือดถึงรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 2-1 ในเกมประเดิมสนามศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่
ทว่าความปราชัยครั้งนี้คงไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของใครหลายคนมากนัก โดยเฉพาะแฟนบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ชินชากับผลงานอันย่ำแย่ของทีมรักตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี
แม้จะเปลี่ยนกุนซือใหม่จาก โอเล กุนนาร์ โซลชา และราล์ฟ รังนิก เป็น เอริก เทน ฮาก แต่นักเตะชุดนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ยังเป็นนักเตะหน้าเดิมชุดเดียวกับที่เพิ่งทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน ดังนั้นการหวังว่า “เหล้าในขวดใหม่” จะมีรสชาติละมุนลิ้นมากกว่าเดิมมันจึงเป็นได้ยากเหลือเกิน
จากปัญหาบาดเจ็บของ อองโตนี มาร์กซิยาล ทำให้ เทน ฮาก ตัดสินใจทำในสิ่งที่สามารถพูดได้ว่า ผิดพลาดมหันต์เมื่อมองจากผลงาน และผลการแข่งขันที่ออกมา ด้วยการปรับรูปแบบการเล่นโดยส่ง คริสเตียน อีริคเซน ลงมาเล่นเป็นฟอลส์ไนน์ โดยไม่ยอมขยับเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่สามารถเล่นในตำแหน่งหน้าเป้าได้เข้ามาเล่นตรงกลางแทน หนูหมาก แถมยังขังดาวยิงที่ฝากความหวังเอาไว้ได้มากที่สุดอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด เอาไว้บนม้านั่งสำรองอีกต่างหาก
สำหรับการดร็อป โรนัลโด เอาไว้บนม้านั่งสำรองเป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้เมื่อมองจากการที่เจ้าตัวเพิ่งจะกลับมาซ้อมกับทีมได้ไม่นาน และยังขาดความคุ้นสนามอยู่พอสมควร
ทว่ากับการเลือกขยับ อีริคเซน ขึ้นไปเล่นเป็นฟอลส์ไนน์ต้องบอกว่า เสียของเพราะนั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีที่เจ้าตัวจะสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ แถมยังทำให้เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยความสับสนอีกต่างหากเพราะนี่ไม่ใช่แนวทางที่พวกเขาเล่นในการอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น
นอกจากนี้การเลือกส่งคู่หูคู่ฮาอย่าง เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาคุมแดนกลางก็เป็นอีกหนึ่งต้นตอแห่งความวิบัติที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเจ๊งชัยให้กับ “นางนวล” ในครั้งนี้
คู่หู “แม็คเฟร็ด” ต่างมีส่วนกับการเสียทั้ง 2 ประตู โดยประตูแรกเป็น แม็คโทมิเนย์ ที่พยายามฝืนเลี้ยงบอลฝ่าดงตีนนักเตะไบรท์ตันจนเสียบอล และโดนสวนกลับจากนั้นงานจึงเข้า แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่โดน เลอันโดร ทรอสซาร์ แทงบอลตัดหลังไปให้ แดนนี เวลเบ็ค ก่อนที่ อดีตเด็กปั้นของผีแดง จะตวัดเข้าไปที่เสาสองให้ ปาสกาล โกรสส์ ชาร์จเข้าไปตุงตาข่ายง่าย ๆ
ขณะที่ประตูที่ 2 เฟร็ด พลาดเต็ม ๆ ที่เอาแต่เหม่อไม่ยอมมองผู้เล่นที่ย่องเข้ามาทางด้านหลัง และปล่อยให้ โกรสส์ เจ้าเก่าได้ซ้ำลูกยิงของ ซอลลี มาร์ช ที่ ดาบิด เด เคอา ปัดมาเข้าทางปืนเข้าไปแบบสบายใจเฉิบ
ครึ่งหลังเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มกระเตื้องขึ้นมา หลัง เทน ฮาก เลิกดันทุรัง และส่ง โรนัลโด ลงสนามมาแทน เฟร็ด ในนาทีที่ 53 และถอย อีริคเซน ลงมาคุมแดนกลางร่วมกับ แม็คโทมิเนย์
การปรับหมากครั้งนี้ทำให้แดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเกมได้ดีขึ้นชัดเจนเพราะมี อีริคเซน ถอยลงมาเป็นตัวเชื่อมเกมที่สามารถจ่ายบอลสั้น สลับวางยาว ๆ ได้อย่างแม่นยำ ต่างจาก เฟร็ด และแม็คทอม ที่ไม่สามารถเล่นในตำแหน่งเพลเมกเกอร์แนวลึกแบบนี้ได้เพราะความสามารถมีค่อนข้างจำกัด
ส่วน โรนัลโด ก็ช่วยให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูวูบวาบขึ้น โดย ซีอาร์ 7 สามารถสร้างโอกาสทองให้ทีมได้หนึ่งครั้งจากจะงหวะที่ได้บอลหลุดไปทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนจะตบเข้ากลางให้ แรชฟอร์ด ได้ชาร์จโล่ง ๆ ทว่า ดาวยิงใจบุญ กลับยิงไปติดเซฟของ โรเบิร์ต ซานเชซ อย่างน่าเขกกะโหลกเสียอย่างนั้น
สำหรับประตูตีไข่แตกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงมากนัก เพราะไม่ได้เกิดจากเกมขึ้นเกมสวย ๆ แต่ต้องบอกว่า เป็นของกำนัลปลอบใจจาก ไบรท์ตัน และ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ที่หวดบอลเข้าไปตุงตาข่ายฝั่งตัวเอง
สรุปโดยภาพรวมแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีปัญหาแบบเดิม ๆ เหมือนตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเขาเล่นได้ไม่เหมือนในช่วงปรีซีซั่นที่นักเตะทุกคนดูมั่นใจช่วยกันไล่เพรสซิงคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่การจ่ายบอลก็ยังติด ๆ ขัด ๆ โดยเฉพาะแดนกลางที่โดนนักเตะไบรท์ตันบีบเข้าใส่จนพลิกบอลไม่ได้ และต้องเอาตัวรอดด้วยการเคาะออกข้าง หรือ ส่งคืนหลังเป็นระยะ
นอกจากนี้เกมรับก็ยังรั่วเป็นเขื่อนผุ ดีโอโก ดาโลต์ กลายเป็นบ่อน้ำมันเพราะยืนตำแหน่งไม่ดีตลอดทั้งเกม จังหวะตัวต่อตัวแทบเอาคู่แข่งไม่อยู่ ส่วน แม็กไกวร์ ก็เชื่องช้า และไม่น่าจะเหมาะกับแท็กติกของ เทน ฮาก ที่ขยับแนวรับขึ้นมาค่อนข้างสูง
ทว่าปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือขุมกำลังนักเตะที่ยังมีขนาดเล็กเกินไปจนไม่ครอบคลุมทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นแบ๊กขวาที่ว่ากันตามตรงทั้ง ดาโลต์ และอารอน วาน-บิสซากา ต่างยังไว้ใจไม่ได้ทั้งคู่, มิดฟิลด์ตัวกลางที่ยังต้องการนักเตะที่มีคลาสสูงกว่า เฟร็ด และแม็คโทมิเนย์ อีกเยอะ และตำแหน่งหน้าเป้า ซึ่งเชื่อผมเถอะว่า มาร์กซิยาล ยังไม่ใช่คำตอบสำหรับตำแหน่งนี้แน่นอน.
แท ยอน
