อีก 3 วัน รัฐบาลโดย “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ก็จะเป็นประธานเพื่อคิกออฟ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 ก.ค.นี้

โดยงานนี้แม่งานอย่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดขึ้นเฉพาะกิจเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ

เรียกได้ว่า … เป็นโครงการนำร่อง หวังจุดพลุให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง หากทุกอย่างสงบราบเรียบ ไม่มีปัญหาอุปสรรค ก็เตรียมเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวอีก 10 จังหวัด แล้วค่อยเข้าสู่โหมดเดินหน้าเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มนับถอยหลังจากนี้ไปอีก 120 วัน ตามที่นายกฯ บิ๊กตู่ ประกาศไว้ ก็ราว ๆ เดือน ต.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งถือเป็นช่วง “ไฮซีซั่น” หรือช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวพอดี

การตีฆ้องร้องป่าวเช่นนี้ ใครที่เกี่ยวข้อง ก็คงหัวใจพองโต โอกาสได้ “จับเงิน” เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงลูกน้อง ให้อยู่รอดต่อไป เริ่มมีเข้ามาให้เห็นแล้ว

เพราะตลอด 1 ปีกว่า ที่ผ่านมา ที่ต้องซมซานจากพิษของ ไวรัสโควิด 19 นั้นมันหนักหนาสาหัสยิ่งนัก ที่สำคัญยังรุนแรงกว่าพิษของ “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ด้วยซ้ำไป

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามั่นใจว่า ในเดือน ก.ค.มีนักท่องเที่ยวยืนยันจะเดินทางมายังภูเก็ตแล้ว 2 กลุ่ม จากสหรัฐ ในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ประมาณ 20 คน และปลายเดือน จะมีกลุ่มทหารเรือจากอังกฤษเข้ามาซ้อมรบและมาแวะพักที่ภูเก็ต 400-500 คน ประมาณ 1 สัปดาห์

จากนั้นก็เชื่อมั่นว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรป และทวีปอเมริกา ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในรอบแรกนี้ประเมินคร่าว ๆ ว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตกว่า 129,000 คน ประมาณการรายได้ 3 เดือนนี้ เฉพาะที่ภูเก็ตประมาณ 15,000 ล้านบาท

ถามว่าทำไม? ต้อง “ภูเก็ต” มีผลสำรวจจาก The World 30 Best Places to Visit 2020-21 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 30 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก พบว่า “ภูเก็ต” ติดอันดับ 1 ใน 10

จึงเป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าคนทั้งโลกอาจจะรู้จัก “ภูเก็ต” มากกว่า กรุงเทพฯ หรือประเทศไทย ด้วยซ้ำ เพราะภูเก็ตเต็มไปด้วยความหลากหลายทางการท่องเที่ยว จนขึ้นชื่อว่า “ ไข่มุกอันดามัน”

ขณะเดียวกัน “ภูเก็ต” สามารถทำรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 62 ช่วงก่อนเกิดโควิด ได้มากถึง 4.7 แสนล้านบาท จากนักท่องเที่ยวรวม 14 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน

ณ เวลานี้ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ได้รับการขานรับจากบรรดาห้างสรรพสินค้า กลุ่มนายทุนโรงแรมขนาดใหญ่ ขณะที่นโยบายการเปิดประเทศ 120 วัน ของนายกฯ บิ๊กตู่ ก็ทำให้ภาคธุรกิจต่างออกมาเด้งรับ ดี๊ด๊า กันทุกธุรกิจ

แต่เอาเข้าจริง ต้องถามว่า จังหวัดภูเก็ต พร้อมแล้วหรือยัง? เพราะบรรดานักธุรกิจท้องถิ่น ยังไม่เชื่อว่าโครงการนี้จะไปรอด ท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นอย่างหนักอยู่ทุกวันนี้ ที่สำคัญบรรดาธุรกิจรายเล็ก รายน้อย รายย่อย ที่ปางตาย หรือล้มหายตายจากกันไปก่อนหน้านี้ ยังฟื้นไม่ทัน!!

ไม่เพียงเท่านี้ เงื่อนไข กฎเกณฑ์ สารพัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอสโอพี หรือแนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ที่สถานทูตไทยในต่างประเทศยังไม่สามารถออกหนังสือรับรองการเดินทางมาไทยหรือซีโออี เพื่อประกอบการขอวีซ่าในการมาไทย

นอกจากนี้ยังมีความไม่พร้อมในอีกหลายปัจจัย จึงทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่? โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยว ที่ว่ากันว่าชุดแรกในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ที่จะมีทั้งหมด 99 คน

เช่นเดียวกับเรื่องของสายการบิน ที่พบว่า เวลานี้มีเพียง สิงคโปร์แอร์ไลน์ และ กาตาร์แอร์เวย์ส เท่านั้น ที่ยืนยันชัดเจนว่าจะทำการบินเข้าภูเก็ตในวันที่ 1 ก.ค.นี้

ต่อให้ทุกฝ่ายได้วางแผนไว้อย่างชัดเจน รอบคอบ แต่เรื่องของโควิด-19 ไม่เข้าใครออกใคร หากผู้ติดเชื้อยังมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สถานการณ์เช่นนี้ อาจกระทบชิ่งไปถึงนโยบายเปิดประเทศของนายกฯ บิ๊กตู่ ก็เป็นไปได้ ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องมานั่งลุ้นกันว่า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” จะเป็นไปตามที่วาดฝันได้มากน้อยอย่างไร?

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”