ที่ผ่านมา “วิทยาศาสตร์การกีฬา” ถูกยกว่าคือความสำคัญลำดับแรกๆ ของการพัฒนาให้นักกีฬาให้ก้าวข้ามขีดจำกัด เพราะด้านกายภาพ นักบอลก็คงเป็นนักบอลที่ดีไม่ได้หากกล้ามเนื้อขาไม่มีแรง หรือไม่มีหัวใจที่อึดขนาดวิ่งได้ตลอด 90 นาที

ดังนั้นทุกคนจึงมุ่งเน้นที่กายภาพ ทั้งเพิ่มสมรรถภาพ รักษาอาการเจ็บ ฝึกฝนเทคนิค ต่อด้วยเรื่องโภชนาการก็ถูกพูดถึงอย่างมากในระยะหลัง จนในกลุ่มนักเพาะกายจะมีคำพูดเท่ๆ ที่ว่า “กล้ามไม่ได้สร้างในฟิตเนส แต่สร้างในห้องครัว” หมายถึงออกกำลังกายยังไม่สำคัญเท่ากับทานอาหารที่เหมาะสม

แต่อย่างหนึ่งที่หลายคนมองข้ามคือ “จิตใจ” แม้มีตัวอย่างมากมายของนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายโยนพรสวรรค์ทิ้งกลางคัน บางคนป่วยเพราะพวกเขาเอาแต่ฝึกร่างกาย แต่ไม่ได้ฝึกจิตใจ

“ในอนาคตผู้เล่นทุกคนจะมีนักจิตวิทยาของตัวเอง” นี่คือคำพูดของดาวิเด อันเชล็อตติ ลูกชายวัย 33 ปี ของคาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมรีล มาดริด ปัจจุบันเขาทำหน้าที่ช่วยพ่อ และเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิทยาคือสิ่งที่อาจไม่สำคัญที่สุดแต่ก็สำคัญมากที่จะช่วยพัฒนาทีม

ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีบางทีมที่เก็บข้อมูลบันทึกระดับความมั่นใจ โฟกัส และแรงจูงใจ ขณะที่ทีมชั้นนำของยุโรปกำลังทดลองสร้างภาพสมองและเทคโนโลยีเสมือนจริง เพื่อปรับปรุงทักษะการเรียนรู้ เช่น การรับรู้

ที่จริงแล้ว อันเชล็อตติ ผู้ลูกไม่ได้ใหม่ต่อด้านนี้ เพราะที่มิลานจะมีห้องปฏิบัตการทางจิตวิทยา (Mind Room) มาตั้งแต่ปี 1986 สมัยเป็นนักเตะเขาก็เคยเข้าห้องนี้เช่นกัน มันเป็นการจุดประกายให้เขา เพราะฟุตบอลไม่ได้เล่นด้วยเท้าอย่างเดียว แต่ยังต้องเล่นด้วยสมอง นักบอลอายุ 37 ปี อาจฝึกให้เร็วขึ้นไม่ได้ แต่ฝึกให้ตัดสินใจเร็วขึ้นได้

อันเชล็อตติ บอกว่าโชคดีที่ยุคนี้คนเปิดรับเรื่องจิตวิทยามากขึ้น นักเตะหนุ่มเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น และเขาไม่คิดว่านักจิตวิทยาคนเดียวจะเพียงพอต่อคนทั้งทีม

บีบีซี เผยว่าทีมในพรีเมียร์ลีกเริ่มจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านบำบัดจิตมากขึ้น เป็นคนที่คอยสนับสนุนนักเตะ สร้างกำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น ให้คำปรึกษาทั้งเรื่องในสนาม หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว ช่วยให้นักเตะรับมือความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า

สุขภาพร่างกายนั้นสำคัญ แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันคือจิตใจ บางทีอาจสำคัญที่สุดด้วยซ้ำ