เคยมีบทเรียนเจ็บปวด หลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ทุก ๆ ฝ่ายไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเพราะมันเหมือนเป็นการทุบหม้อข้าวของตัวเอง กว่าจะลบภาพฝันร้ายแต่ละครั้งเพื่อเรียกความเชื่อมั่นด้านมาตรฐานความปลอดภัยกลับคืนมาก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย ก่อนหน้านี้ ปี 2557 เราเคยมีบทเรียนจากเหตุ ฆาตกรรมนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษและแฟนหนุ่ม บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านไป 7 ปี ใครจะไปคิดว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 จะมาเกิดฝันร้ายขึ้นบนเกาะภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับขนานนาม ไข่มุกแห่งอันดามัน

เหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ นักท่องเที่ยวหญิง วัย 57 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ยังมาเกิดในช่วงของประเทศไทยกำลังนำร่อง โครง การภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) มันจึงเป็นเรื่องค่อนข้างช็อกของสังคมอย่างมาก นับว่ายังโชคดีที่ตำรวจไทยสามารถตามจับกุมคนร้ายที่ก่อคดีได้อย่างรวดเร็วภายใน 48 ชม. หลังจากพบศพผู้เสียชีวิต เมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 5 ส.ค. ถูกหมกทิ้งมีผ้าใบคลุมร่างเอาไว้อยู่ในซอกโขดหิน น้ำตกโตนอ่าวยน หมู่ 8 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ

แกะรอยตามจับไอ้โหดได้ใน 48 ชม.

กระทั่งตร.ตามจับกุม นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ หรือ บังหลี อายุ 27 ปี อดีตนักมวย ชาวต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้ในช่วงสาย ๆ ของวันเสาร์ที่ 7 ส.ค. โดยเหตุฆาตกรรมโหดนักท่องเที่ยวชาวสวิสคดีนี้  บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นหัวหอกนำทีมตำรวจสืบสวนมือดี บินลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ตามเกาะติดคดีด้วยตนเอง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 ส.ค. โดยมีเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ก็ลงไปร่วมทำงานซึ่งทั้ง 2 บิ๊กสีกากี ต่างก็ผ่านคดีอาชญากรรมใหญ่ในประเทศไทยมาอย่างโชกโชน

ทีมข่าว 1/4 Special Report ตามไปไล่ข้อมูล การคลี่คลายคดีสะเทือนขวัญครั้งนี้ บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยกทีมตำรวจสืบสวนหลายหน่วยลงไปในพื้นที่เกาะภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. นำกำลังชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ป. และ “หน่วยหนุมาน” กองปราบฯ และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.ภ.7 นายตำรวจมือสืบสวนที่บิ๊กปั๊ด มักจะดึงเข้ามาทำงานในคดีสำคัญ ๆ เข้าไปร่วมวางแผนแบ่งงานกับทีมงานตำรวจในพื้นที่ บช.ภ.8 ของ พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รอง ผบช.ภ.8 รรท.ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8  และ พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.8 รรท.ผกก.สืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต ต่างถูกระดมเข้าไปลงในเกาะภูเก็ตเพื่อร่วมกันคลี่คลายคดีกันแบบเร่งด่วน

ทีมสืบสวนต้องตามไปไล่ข้อมูลไทม์ไลน์ของนักท่องเที่ยวชาวสวิส ผู้เสียชีวิตแบบละเอียดยิบตั้งแต่ เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยตามลำพังเพียงคนเดียว เมื่อเวลา 10.34 วันที่ 13 ก.ค. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ ด่าน ตม.สนามบินภูเก็ต ได้รับอนุมัติวีซ่า ประเภทนักท่องเที่ยว ผ.45 วันครบกำหนดอนุญาต (วีซ่า) 26 ส.ค.64 เข้าพักที่โรงแรมดุสิตลากูน่า ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยการจองห้องผ่าน โครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ระยะเวลาในการเข้าพัก 13-27 ก.ค. 64 สำหรับห้วงเวลาแซนด์บ็อกซ์ ที่ผู้ตายเข้าพักทำกิจกรรม และนอนพักโรงแรมทุกคืน มีเพียงวันที่ 25 ก.ค. เดินทางไป รพ.กรุงเทพภูเก็ต

เมื่อถึงวันที่ 27 ก.ค. ครบกำหนดแซนด์บ็อกซ์ เช็กเอาต์จากโรงแรมออกเดินทาง เรียกรถแท็กซี่ไปเที่ยว ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ผ่านด่านตรวจขาออก ที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ไปเข้าพักพักที่โรงแรมใน ต.อ่าวนาง แล้วเช็กเอาต์ออกตอนเที่ยง วันที่ 31 ก.ค. เรียกแท็กซี่ให้มารับจาก จ.กระบี่ มาส่งพักที่ในโรงแรม เดอะมูริ่ง รีสอร์ท ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต พักผ่อนอยู่โรงแรมและเที่ยวชายหาดอ่าวยน ใกล้ ๆ โรงแรม กระทั่งเวลา 11.25 น. วันที่ 3 ส.ค. เดินลงไปเล่นชายหาดอ่าวยน แล้วเดินไปตามเส้นทางถนนอ่าวยน-เขาขาด ขึ้นไปน้ำตกโตนอ่าวยน ระยะทาง 1.4 กม. ใช้เวลา 18 นาที

โชคดีได้ “วงจรปิดช่วยคลี่คลายคดี

ช่วงวันเวลาที่ผู้ตายยังมีชีวิต กล้องวงจรปิด ทั้งของโรงแรม และร้านอาหาร สามารถบันทึกภาพที่เดินทางขึ้นไปน้ำตกอย่างชัดเจน ก่อนจะมีชาวบ้านไปพบเป็นศพอยู่ในซอกหินลำธารน้ำตกโตนอ่าวยน ในช่วงบ่ายวันที่ 5 ส.ค. (กล้องบันทึกภาพครั้งสุดท้ายได้วันที่ 3 ส.ค.) เมื่อมีข้อมูลของผู้ตายอย่างละเอียดประกอบกับยังมีภาพวงจรปิด ทำให้ตำรวจทั้งของกองปราบฯ สืบสวนภูธรภาค 8 และ ภ.จว.ภูเก็ต แบ่งงานกระจายกันลงพื้นที่ในรัศมี 5 กม. จากจุดพบศพ เพื่อหาหลักฐานอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นพยานแวดล้อม และนิติวิทยาศาสตร์

โดยตำรวจได้ กุญแจสำคัญ จากกล้องวงจรปิดร้านอาหาร ก่อนถึงทางขึ้นน้ำตก ประมาณ 100 เมตร บันทึกภาพ ชายหนุ่มมาดคมเข้ม  สวมเสื้อสีดำ กางเกงขาสั้น ใส่แว่นกันแดด ขี่ จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 สีแดง ในช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเช้า วันที่ 3 ส.ค. ขี่ จยย.เข้าไปทางน้ำตกโตนอ่าวยน เมื่อทีมสืบสวนไล่ดูภาพอย่างละเอียดย้อนหลังในวันที่ 3 ส.ค. ตั้งแต่เช้าจดค่ำ พบมีรถเข้า-ออกจุดดังกล่าว 68 ครั้ง ส่วนใหญ่เข้าไปไม่เกิน 30 นาทีก็จะออกมา ยกเว้น ชายหนุ่มขี่ จยย.ฮอนด้า เข้าไปตั้งแต่เวลา 10.26 น. (ก่อนผู้เสียชีวิตจะเดินผ่านกล้องขึ้นไปเวลา 11.49 น.) จากนั้นชายหนุ่มขี่ จยย.ออกมาเวลา 13.06 น. ใช้เวลาอยู่ในบริเวณน้ำตกนานถึง 2 ชม. 39 นาที 14 วินาที ทำให้ตลอดวันที่ 5-6 ส.ค. ทีมสืบสวนฯไล่แกะรอยหาข้อมูลชายขี่จยย.ดังกล่าว จนไปเจอชาวต่างด้าวทำงานก่อสร้าง รูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกันนำมาสอบแล้วไม่มีพิรุธจึงปล่อยตัวไป

ต่อมาเวลา 06.00 น. วันที่ 7 ส.ค. พ.ต.อ.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.8 รรท.ผกก.สืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต นำชุดสืบสวน 7 นาย เดินลงพื้นที่เข้าไปหาข้อมูลบริเวณใกล้พื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่เช้าตรู่ ระหว่างนั่งพักกินกาแฟ ก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปพรรณสัณฐาน และจยย.ใกล้เคียงกับภาพวงจรปิด (แม้เลขทะเบียนไม่ชัด แต่ตำหนิสติกเกอร์ท้ายเบาะและตำหนิทะเบียนใกล้กัน) ขี่มาจอดที่ร้านขนมจีนอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านกาแฟ พ.ต.อ.ประวิทย์ พร้อมลูกน้องรีบเดินเข้าไปประกบสอบถามข้อมูล ทราบชื่อ นายธีรวัฒน์ ท่อทิพย์ หรือ บังหลี เมื่อถามว่าวันที่ 3 ส.ค. เข้าไปในน้ำตกหรือไม่ ซึ่งนายธีรวัฒน์ตอบว่าเข้าไปหา ต้นกล้วยใบด่าง พ.ต.อ.ประวิทย์ จึงให้พาเข้าไปชี้จุดต่าง ๆในบริเวณน้ำตกเพื่อจะไล่เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เข้าไปทำอะไรบ้าง เมื่อซักถามว่า โทรศัพท์มือถือ ไปไหนก็อ้างว่าเอาไปซ่อมเพราะตกน้ำ ตรวจสอบตามร่างกายยังพบร่องรอยบาดแผลตามลำตัวและแผ่นหลัง เห็นว่าเริ่มมีพิรุธออกมาหลายอย่างรีบแจ้งผู้บังคับบัญชาทันที พร้อมคุมตัวมาให้ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ ผบก.สส.ภ.8 ร่วมสอบสวน สุดท้ายยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุสังหารจริงอ้างทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

หนุนอุดช่องโหว่ความปลอดภัยท่องเที่ยว

หลังจากตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ภายในระยะเวลา 48 ชม. โดยมีเบาะแสสำคัญที่ช่วยจากกล้องวงจรปิดนั้น ทีมข่าว 1/4 Special Report มีโอกาสพูดคุยกับ นายกรีฑา โชติวิชญ์พิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันเทศบาลตำบลวิชิต ติดตั้งกล้องซีซีทีวี จำนวน 60 ตัวครอบคลุมพื้นที่ตำบลวิชิต โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ความรับผิดชอบของเทศบาล และความรับผิดชอบของชุมชน ในส่วนของชุมชน เทศบาลจะเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ และให้ชุมชนเป็นผู้ออกแบบติดตั้งและช่วยดูแล จุดที่เกิดเหตุอยู่พื้นที่ชุมชนอ่าวยน ติดตั้งกล้องชุมชนไว้ 4 ตัว

สำหรับการเลือกสถานที่ติดตั้งกล้องซีซีทีวี ชุมชนจะรู้สภาพพื้นที่เป็นอย่างดี ว่าตรงไหนปลอดภัย หรือไม่ปลอดภัย เขาต้องการเสริมตรงจุดไหน ต้องให้ชุมชนเป็นผู้ตัดสินใจ เราในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ส่งเสริมและจัดหาสนับสนุน เพื่อความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว เหตุการณ์สลดใจครั้งนี้ทำให้เราต้องพัฒนาศักยภาพการทำงานดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ และแหล่งท่องเที่ยวเพื่อให้การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้าน นายเรวัต อารีรอบ นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวถึงเรื่องข้อมูลในระบบรักษาความปลอดภัยของ จ.ภูเก็ต ได้ชื่อว่า อยู่ในระบบต้น ๆ ของประเทศไทย เนื่องจากที่ผ่านมา จ.ภูเก็ต ได้รับการจัดสรรงบประมาณของ โครงการสมาร์ทซิตี้ หรือเมืองอัจฉริยะมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการในทุก ๆ ด้าน รวมถึงระบบการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของประชากร และนักท่องเที่ยวด้วย  โครงการนี้ทำให้จังหวัดภูเก็ตมีระบบซีซีทีวีครอบคลุมทั้งเกาะทุกพื้นที่ แต่การจัดหาในลักษณะต่างองค์กรต่างทำ แต่ในทางบริหารจัดการยังไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าได้กันทั้งหมด

นายก อบจ.ภูเก็ต กล่าวต่อว่า ในฐานะที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้ด้วยตนเอง และเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งจังหวัด จะรับเป็นเจ้าภาพในการบูรณาการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยด้วยระบบเทคโนโลยี นอกจากนั้นจะผลักดันหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดสรรบุคลากรเพื่อเพิ่มภารกิจด้านการรักษาความปลอดภัย ในลักษณะเป็นผู้ช่วยตำรวจแก้ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว รวมถึงประชาชนในท้องถิ่นเองด้วย

ตัวช่วยสำคัญที่สุด ส่วนร่วมของภาคประชาชน จิตสำนึกของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่อยากให้เป็นแค่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาก็นำกลับมาพูดบนโต๊ะ แล้วก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างจิตสำนึกให้คนไทยทุกคน เรียนรู้ที่จะเป็นเจ้าบ้านที่ดี ไม่ใช่เฉพาะการก่อคดีเกี่ยวกับร่างกาย หรือทรัพย์เท่านั้น แต่จะต้องรวมถึงความจริงใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวที่มาเยือน อยากให้ดูแลเสมือนคนในครอบครัวของเรา.