แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินหน้าเก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีกได้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. หลังบุกไปเชือด เลสเตอร์ ซิตี ลงได้หวุดหวิด 1-0 พร้อมขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 5 โดยมี 9 คะแนนจาก 5 นัด

            เกมนี้ เอริค เทน ฮาก ยังคงส่งนักเตะ 11 คนแรกชุดเดิมลงสนามเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน โดยมี ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสา ขณะที่แผงแบ๊กโฟร์ประกอบด้วย ดีโอโก ดาโลต์, ราฟาแอล วาราน, ลิชา มาร์ติเนซ และไตเรลล์ มาลาเซีย แดนกลางใช้ สกอตต์ แม็คโมมิเนย์ ยืนคู่กับ คริสเตียน อีริคเซน ส่วน แอนโธนี อีลังกา, บรูโน แฟร์นันด์ส และเจดอน ซานโช เล่นเป็นตัวรุกอยู่ด้านหลัง มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ยืนเป็นหน้าเป้า

            ส่วนรูปเกมที่ออกมา แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะต่อบอลกันได้ไหลลื่นกว่าในเกมบุกชนะ เซาแธมป์ตัน โดยเฉพาะในครึ่งแรก และมาได้ประตูชัยจากจังหวะโต้กลับเร็วที่ แฟร์นันด์ส ฉีกไปรับบอลจาก ดาโลต์ ทางฝั่งขวาของสนามก่อนจะแทงเข้าช่องให้ แรชฟอร์ด ที่ปาดต่อให้ ซานโช วิ่งไปแตะหลบ แดนนี วอร์ด นายทวารเจ้าถิ่น ก็จะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 23

             สำหรับประตูนี้ ไมเคิล โอเวน อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ที่มารับบทคอมเมนเตเตอร์ในเกมนี้ ถึงกับออกปากชม ซานโช ว่า ทำของยากให้กลายเป็นของง่ายเพราะหาก ซานโช แตะบอลแรงเกินไปเพียงนิดเดียวมุมก็จะถูกบีบให้แคบลงจนอาจจะพลาดโอกาสทองไปเลย

            อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญสู่ชัยชนะของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้คือการเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และแทบไม่มีความผิดพลาดให้เห็นเลยตลอดทั้งเกม ซึ่ง เทน ฮาก ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า ตัวเขาพอใจที่ทีมสามารถเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน แม้ยังมีหลายอย่างที่ยังต้องปรับปรุงโดยเฉพาะการตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายที่ยังทำได้ไม่ดีนัก

            เรียนตามตรงว่า เห็น วาราน กับ มาร์ติเนซ เล่นกันได้ดีขนาดนี้เห็นที แฮร์รี แม็กไกวร์ น่าจะต้องนั่งตบยุงบนม้านั่งสำรองแบบยาว ๆ  แน่นอนเช่นเดียวกับ ลุค ชอว์ ที่ไม่น่าจะเบียด มาลาเซีย กลับมายึดตัวจริงได้ง่าย ๆ เช่นกัน

            ส่วน คาเซมิโร และ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังก็แสดงให้เห็นว่า สามารถลงมาช่วยยกระดับให้เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูนิ่ง และวูวาบขึ้นได้ โดย คาเซมิโร น่าจะมีลุ้นประเดิมตัวจริงนัดแรกในเกมบิ๊กแมตช์กับ อาร์เซนอล วันอาทิตย์นี้ด้วย

            อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เริ่มจะน่าเป็นห่วงก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียฟาวล์ และเสียใบเหลืองค่อนข้างง่าย โดยผ่านไป 5 นัดปรากฏว่า นักเตะเรด เดวิลส์ รับใบเหลืองไปแล้วถึง 17 ใบ หรือ เฉลี่ย 3.4 ใบต่อนัด ซึ่งนอกจากจะเป็นสถิติสูงสุดในฤดูกาลนี้แล้ว ยังเป็นค่าเฉลี่ยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกต่อหนึ่งซีซั่นอีกด้วย

            โชคดีเหลือเกินที่เกมนี้ไม่มีใครได้ใบเหลืองซ้ำ โดยเฉพาะแผงแบ๊กโฟร์ที่มีนักเตะโดนใบเหลืองไปถึง 3 รายคือ ดาโลต์, มาลาเซีย และมาร์ติเนซ  

            สำหรับเกมต่อไปกับ อาร์เซนอล ต้องบอกว่า มาได้ถูกที่ถูกเวลาพอดีเพราะตอนนี้นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะสามารถเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง แถมยังจะได้อาวุธหนักอย่าง อันโตนี ที่เพิ่งย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 85 ล้านปอนด์ เข้ามาเสริมแนวรุกอีกต่างหาก ซึ่งเมื่อมองจากการที่ ปืนใหญ่ ก็อยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรงเช่นกันแล้ว สงครามลูกหนังที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คืนวันอาทิตย์นี้ น่าจะดุเดือดเลือดพล่าน และมีดีกรีความมันระดับ 5 ดาวอย่างแน่นอน.

แท ยอน