“จำไว้กฎข้อแรกของการทำงานตระเวน วันแรกที่เปิดหัวเวรมาอย่าใส่อะไรสีแดงเด็ดขาด”
นั่นคือคำพูดของพี่มิตร รุ่นพี่ฝึกงานคนแรกของผม เขาย้ำนักย้ำหนาเมื่อ 12 ปีก่อน สำหรับนักข่าวตระเวนนั้นจะเข้าแบ่งเวร ที่ เดลินิวส์ ประเดิมด้วยเวรดึกแล้วไปเวรบ่าย แล้วไปวันเสาร์ ทำงาน 21 วันได้หยุดที 1 วันในสมัยนั้น เพราะหยุดพักก็ต้องมาเข้าเวรดึก ซึ่งถือเป็นหัวเวรแรกของเวร
เวรดึกเข้าตั้งแต่เที่ยงคืนออกแปดโมงเช้า เวรบ่ายเข้าสี่โมงเย็นออกเที่ยงคืนและเวรเช้าเข้าแปดโมงออกสี่โมงเย็น
กฎข้อแรกของพี่มิตร แกย้ำกับผมมาก ๆ “อย่าใส่มาเด็ดขาด เสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้าแม้กระทั่งกางเกงใน หรือพกของสีแดงขึ้นรถก็ห้ามทำในดึกวันแรกเด็ดขาด”
แกบอกว่าไม่เกี่ยวกับสีเสื้อทางการเมือง แต่เป็นสิ่งที่คนตระเวนยึดถือกันอย่างยาวนาน
ผมปฏิบัติตามคำสั่งแกตอนฝึก คืนแรกผมใส่เสื้อสีเทา กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบปกติ พี่มิตรเป็นนักข่าวตัวจริง ผู้ช่วยคนขับรถอีกคน แล้วก็มีผมนั่งเบาะหลังเป็นนักข่าวฝึกหัด
หลังจากคนรถมารับผมที่บ้าน ตอนนั้นเที่ยงคืนนิด ๆ พี่มิตรถามว่าผมไม่ได้ใส่อะไรสีแดงมาใช่ไหม ผมตอบว่าใช่
จากนั้นแกก็ร่ายกฎยาวของการทำงานตระเวน
ข้อ 2 ถ้าได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถระหว่างที่รถขับ ห้ามพูดอะไรออกมา หรือจะหันไปมองก็ได้ แต่ให้รีบหันกลับมาปกติ อย่าสนใจเสียงเคาะใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้อ 3 ขึ้นรถแล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านก่อนเสมอ เช็กว่าฉบับที่ได้คือฉบับตอนเช้าอีกวัน ดูวันที่ให้ดี ถ้าพบว่ายังเป็นหนังสือพิมพ์ลงวันนี้ ไม่ใช่วันรุ่งขึ้น ให้โยนหนังสือพิมพ์ทิ้งไปทันที
ผมแปลกใจตั้งแต่ข้อแรกแล้ว พี่มิตรแกอธิบายว่าถ้าใส่อะไรมีสีแดงในการทำงานวันแรก ตลอดสามเวรจะมีแต่งานข่าวให้ต้องทำทุกวัน งานจะหนักเหมือนแกล้งกัน ส่วนข้อ 3 นั้นแกบอกว่าพี่ทำเสมอเป็นประจำ
ข้อ 4 สถานที่จะไปจอดนอนรอทำข่าวชื่อว่า พระราม ถ้าขับมาแล้วเห็น ผู้หญิงผมยาวนั่งสูบบุหรี่ อยู่ที่หน้าห้องพักนักข่าว ให้ขับออกไปทันทีอย่าจอดนอนเด็ดขาด
คืนแรกของการทำงานรถขับเข้าไปจอดที่พระราม ผม พี่มิตรและผู้ช่วยเห็นหญิงสาวผมยาวนั่งสูบบุหรี่ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าห้องนักข่าว ตอนนั้นขนผมลุกไปหมด ไม่คิดว่ากฎที่พี่แกพูดจะเป็นเรื่องจริง ในเสี้ยววินาทีนั้นผู้ช่วยขับรถออกจากพระรามทันที ขณะกำลังจะออก มีเสียงเคาะกระจกรถดังสนั่นที่ท้ายรถ ทำเอาผมถึงกับหันไปดู แต่ยั้งปากไม่ได้พูดอะไร
หญิงสาวที่นั่งสูบบุหรี่เมื่อครู่กำลังเคาะกระจกหลังรถ มีแต่ผมยาวบังหน้าแต่ไม่เห็นตัว ยิ่งรถเคลื่อนเธอก็ขยับตัวตามราวกับเกาะติดรถ เธอเคาะเรียกหลายครั้ง ผมยังจ้องตาเธอ
พี่มิตรเอื้อมมือไปกระชากตัวผมแล้วพูดว่า “สนใจวอวิทยุหน่อย” ผมหันกลับมามองทางข้างหน้า เสียงเคาะยังดังต่อเนื่องไปสักพัก ขณะที่รถตระเวนข่าวเคลื่อนมาถึงถนนวิภาวดีรังสิตแล้ว ก่อนที่จะเงียบหายไป เรามาจอดนอนที่ สน.บางเขน
“จำไว้นะ ถ้าปวดฉี่ปวดอะไร ลงไปเข้าห้องน้ำในโรงพักหรือ สน. ถ้าประตูห้องน้ำปิดหมดให้กลับทันที ถ้าระหว่างทำธุระแล้วมีเสียงเคาะถามว่าใครอยู่ข้างไหน ห้ามตอบ ปล่อยทุกอย่างไป รีบทำธุระ รอจนกว่าเสียงเคาะเรียกจะจบ แล้วค่อยเปิดประตูออกมา
“ไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็นเสียงคนรู้จักก็ห้ามตอบเด็ดขาด”
คืนนั้นผมจดจำภาพหญิงสาวเคาะกระจกหลังรถ ทำเอานอนไม่หลับ จนเกือบตี 3 พี่มิตรกับผู้ช่วยหลับในรถอย่างสบายใจ ผมปวดท้องจึงไปเข้าห้องน้ำ เดินผ่านห้องพนักงานสอบสวน ตำรวจอ่านหนังสือพิมพ์บ้าง หลับบ้าง ห้องน้ำ สน.เปิดไฟสว่าง ผมจำคำพี่มิตรแน่น ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด แต่มีเพียงห้องน้ำตรงกลางเท่านั้นที่เปิด ผมเข้าไปถ่ายหนัก
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ใครอยู่ในห้องน้ำนะ ออกมา” มันเป็นเสียงผู้ชายแหบห้าว ทำเอาผมขนลุก แต่ก็ตัดสินใจไม่ตอบอะไร แม้จะทำธุระเสร็จแล้วแต่ก็ยังจำคำของพี่มิตรได้ อย่าเปิดประตูเด็ดขาดขณะมีคนเคาะเรียก คราวนี้เสียงดังกระหน่ำรอบทิศ เสียงดังมากจนผมแปลกใจว่าตำรวจที่นั่งในห้องรับแจ้งความไม่ได้ยินเสียงเหรอ
ผมไม่ออก จนเสียงนั้นเงียบหายไป จึงค่อยยังชั่ว ขณะที่มือกำลังจะปลดล็อกกลอน เสียงพี่มิตรก็ดังขึ้นมาว่า “ไอ้หนอน เอ็งทำอะไรอยู่ รีบออกมามีงาน”
ใจผมเกือบจะขานรับและเปิดออกไปบอกพี่มิตรอยู่แล้วว่า กำลังจะไปครับ แต่นึกได้ว่าไม่ว่าเสียงนั้นจะเป็นเสียงคนรู้จักก็ห้ามตอบเด็ดขาด ผมจึงเงียบและยืนนิ่งในห้องน้ำ คราวนี้พี่มิตรตะโกนดังลั่น “รีบออกมาสิวะ จะไปทำงานแล้ว มีเหตุ 241”
ผมยังเงียบ เสียงเคาะประตูดังสนั่นจนผมกลัวมาก แต่ก็ตัดสินใจไม่เปิดออก ไม่โต้ตอบ ภาวนาให้เสียงพี่มิตรสิ้นสุดลงไป ตัวพี่มิตรตะโกนสั่งให้ผมออกมา เขาทั้งด่าทั้งพูดหยาบคาย ก่อนจะอ้อนวอน เสียงเคาะประตูดังขึ้นสลับเบา มีเสียงมือครูดกับประตู มีเสียงพยายามจะเปิดประตู ทุกอย่างกินเวลาอยู่ราว 2-3 นาที เสียงนั้นเงียบหายไป ผมรอจนแน่ใจ แล้วจึงปลดกลอนออก แล้วรีบเดินไปขึ้นรถ ตำรวจยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อถึงที่รถผมรีบเปิดประตูหลังทันที พี่ผู้ช่วยสะดุ้งตื่น “เอาของอะไร”
“ไม่ได้เอาครับ แค่จะนอน”
“ไม่นอนเบาะหน้าล่ะ”
“พี่มิตรนอน”
“มิตรไหน” เสียงของผู้ช่วยเจือด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม ทำเอาผมชะงัก มองไปที่เบาะหน้าไม่มีพี่มิตรนอน ผมมองหน้าผู้ช่วยด้วยความมึนงง แกคงคิดว่าผมจะหาของเลยเปิดไฟสว่าง ในเสี้ยววินาทีนั้นผมเห็นหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ลงวันที่เมื่อวานนี้ กลายเป็นว่าพี่มิตรดูหนังสือพิมพ์ผิด เขาทำผิดกฎข้อ 3
“เป็นอะไรไอ้หนอน”
ผมหันไปมองหน้ารถ หญิงสาวผมยาวยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงกระโปรงรถ มองไม่เห็นหน้าเธอ แต่เห็นว่าเธอกำลังแสยะยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ มีคนทำผิดกฎ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีพี่มิตรปรากฏอยู่บนโลกต่อไป การทำงานตระเวนวันแรกของผม คือวันสุดท้ายของพี่มิตร และจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยนามแกอีก แต่กฎทุกข้อยังคงเป็น เรื่องสำคัญของโลกตระเวน ที่นับวันมันจะสิ้นหมดขลังลงไปทุกวันและทุกวัน…
เช่นเดียวกับวันที่ในหนังสือพิมพ์…
———————————————
คอลัมน์ : หนอนโรงพัก
โดย “ณัฐกมล ไชยสุวรรณ”
ขอบคุณภาพจาก : Pixabay,Unsplash