ท่ามกลางคณะผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์ กว่า 2,300 คน ที่มาจากทั่วประเทศเข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นผู้แทนจากทุกภาคส่วนทั้งเจ้าหน้าที่มณฑล กองทัพ ศาสตราจารย์ และภาคประชาชนกลุ่มรากหญ้า ในจำนวนนี้ 200 คน จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ กับสมาชิกทางเลือกอีก 170 คน โดยคณะกรรมการกลางจะเลือก 25 คนเป็นสมาชิกกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร (Politburo Standing Committee – PSC) ก่อนที่โปลิตบูโรจะเลือกสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร จำนวน 7 คน ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองสูงสุดของประเทศและมีหน้าที่คอยสนับสนุนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในการกำหนดทิศทางของประเทศจีน ในอีก 5 ปีข้างหน้า

การประชุม​ใน​ครั้งนี้​ มีการรายงานผลงานของพรรคคอมมิวนิสต์ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์​ วาระสำคัญของการประชุม คือ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงภายในพรรคคอมมิวนิสต์

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวสุนทรพจน์ยกย่องการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยระบุว่า การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ ซึ่งได้ยืนยันว่า นโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐบาลจีน ได้ปกป้องชีวิตของประชาชน และส่งผลเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังให้คำมั่นว่า จะต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนและการแทรกแซงเพื่อให้มีการประกาศอิสรภาพของเกาะไต้หวัน

ช่วงหนึ่งของการปราศรัย ระบุว่า การแก้ปัญหากรณีไต้หวัน เป็นเรื่องของชาวจีน และต้องแก้ปัญหาโดยชาวจีนเท่านั้น รัฐบาลจีนจะมุ่งมั่นไปสู่การรวมชาติอย่างสันติ ด้วยความจริงใจ และความพยายามอย่างสูงสุด อย่างไรก็ตาม จีนไม่เคยให้คำมั่นว่าจะละทิ้งการใช้กำลัง และสงวนทางเลือกในการใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นทั้งหมด

และยังได้เน้นย้ำว่า กงล้อประวัติศาสตร์แห่งการรวมชาติและฟื้นฟูชาติ กำลังหมุนไปข้างหน้า การรวมชาติของจีนจะต้องประสบความสำเร็จพร้อมยังระบุว่า ในเวลานี้ ฮ่องกง ได้เปลี่ยนผ่านจากความโกลาหล สู่การมีธรรมาภิบาล

วันที่ 23 ตุลาคม 2565 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งรับมอบตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ และตำแหน่งประธานาธิบดี เป็นสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ต่อสื่อมวลชนว่า จีนจะเปิดประตูสู่โลกภายนอกให้กว้างยิ่งขึ้น และจะสร้างโอกาสสำหรับโลก ซึ่งจีนเพียงลำพังไม่สามารถพัฒนาได้โดยปราศจากโลก และโลกก็จำเป็นต้องมีจีนเพื่อช่วยพัฒนาโลกด้วย และยังได้กล่าวแสดงความขอบคุณต่อผู้นำประเทศต่างๆ ที่ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีต่อเขาและจีน ซึ่งนานาชาติได้ติดตามการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งนี้ด้วยผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่

ทั้งนี้ นายหลี่ เฉียง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการกลางถาวรชุดใหม่ ยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ที่จะลงจากตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2566

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้นำจีนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ถึง 3 สมัย และกลายเป็นผู้นำจีนที่ทรงอำนาจที่สุด นับตั้งแต่สมัยประธานเหมา เจ๋อตุง เป็นต้นมา บรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ รวมถึงผู้นำคิวบา ลาว และเวียดนาม ต่างส่งสาส์นแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในโอกาสดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 และพร้อมพัฒนาความร่วมมือกับประเทศจีน.

…………………………
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”