เรื่องการวิ่งวนเวียนอยู่กับผมอยู่เนือง ๆ ผมเคยวิ่งจบมาราธอนเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว แล้วก็ตั้งเงื่อนไขกับตัวเองว่าต้องจบฮาล์ฟมาราธอนให้เวลามันดี ๆ หน่อย ถึงจะกลับไปวิ่งฟูลมาราธอนอีกครั้ง แต่การวิ่งฮาล์ฟฯ ของผมกลับย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ และผมเป็นตะคริวบ่อยเหลือเกินจนคิดว่าเลิกวิ่งไกลดีกว่า เอาแค่วิ่งออกกำลังกายสัก 10 กิโลก็พอแล้ว

ไม่รู้อะไรดลใจ พอคุยกับรุ่นน้องและไปปรึกษารุ่นพี่เรื่องรองเท้าวิ่ง ผมออกไปซื้อเลย ช่วงเวลาพอดีกับที่ได้หนังสือ Ultraman” เขียนโดยนิ้วกลม ผมอ่านไม่กี่ตอนเท่านั้นได้แรงบันดาลใจ ออกวิ่งสม่ำเสมอทันที

ผมเคยอ่านหนังสือวิ่งมาบ้าง แต่เล่มนี้ ด้วยความที่เป็นนิ้วกลมเขียน การใช้ภาษาและวัยของผู้เขียนไม่ห่างจากผมนัก ผมรู้สึกว่าผมเข้าถึงมากกว่าเล่มไหน ๆ ที่เคยอ่าน แม้จะเขียนเกี่ยวกับการวิ่งอัลตราเทรล 100 km ที่ฮ่องกง ซึ่งผมคงไม่มีวันได้ไปหรอก แต่ผมยังอินได้เพราะผมชอบที่นิ้วกลมถ่ายทอดเรื่องการฝึกซ้อมวิ่งอย่างเคี่ยวกรำ การต้องอดทนทำอะไรซ้ำ ๆ ฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง ชอบเรื่องที่มองเป้าหมายใหญ่ แล้วซอยให้มันเล็กลงเหมือนการกินช้างทีละคำ (ช่างเปรียบเปรย)

ที่ผมอินไม่ใช่เรื่องแค่การวิ่ง แต่มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตและการทำงานด้วย เผอิญผมมีภารกิจใหญ่ของที่ทำงานซึ่งไม่มีใครอยากจะทำเท่าไหร่ แต่ผมอาสารับทำเพราะเห็นว่ามันท้าทายและลึก ๆ ผมเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ เมื่ออ่านUltraman” แล้ว ผมเหมือนได้พลังออกไปวิ่งและไปทำงานทุกครั้ง

ในเล่มจะมี Quote สั้น ๆ ในแต่ละบทให้เราทบทวนความคิด ผมอ่านไปไม่กี่ตอนก็ชอบแล้ว รู้ว่าทั้งเล่มดีแน่ จึงไม่ยอมอ่านรวดเดียวจบ อ่านแค่วันละ 15 นาที ได้ครั้งละ 2-3 ตอนก็ฟินและไฟลุก ผมชอบเรื่องของความหวัง สู้ตาย การไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ มันสร้างกำลังใจได้อย่างดี และที่ประทับใจอย่างมากคือ “เพื่อนร่วมทาง” ถ้าเราได้เพื่อนร่วมงาน เพื่อนในชีวิตได้อย่างวิน…มันเป็น Friend for Life ได้จริง ๆ

ผมโชคดีนิด ๆ ว่าก่อนอ่าน Ultraman ผมเคยมีประสบการณ์วิ่งเทรล 2 ครั้งถ้วน (ซึ่งน้อยมาก) ครั้งแรกที่วิ่งเป็นการแข่งจึงตั้งใจ ไม่มีอารมณ์ชมวิวอะไรเท่าไหร่ และครั้งที่ 2 เมื่อไม่นานมานี้ วิ่งแบบไม่กดดัน (เรียกว่าเดินน่าจะถูกต้องกว่า) ทำให้รู้สึกว่าสบาย ๆ กว่าครั้งแรก ได้ชมวิวไปด้วย…มิน่า เพื่อนหลายคนบอกว่า ถ้าผมวิ่งเทรลบ่อย ๆ จะลืมการวิ่งถนน แล้วติดใจวิ่งเทรลไปเลย

ผมขอแนะนำเส้นทางเทรลที่กำลังดี เหมาะสำหรับมือใหม่ (เช่นผม) ที่ วัดผาลาด จังหวัดเชียงใหม่ ขึ้น 2 km ลง 2 km ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง เหงื่อกำลังซึม เส้นทางไม่โหดเกินไป มีความชันบ้าง มีต้นไม้เกะกะให้ได้ผจญภัยบ้าง เพื่อนที่พาผมไปบอกว่า เส้นทางเทรลที่วัดผาลาดนี้เรียกว่า Pilgrim’s Trail เป็นเส้นทางพระธุดงค์

เราออกแต่เช้า 6 โมง อากาศไม่ร้อนเพราะแดดยังไม่แรง จอดรถไว้บริเวณโรงเรียนบ้านเชิงดอยสุเทพ หรือแถว ๆ ร้าน Basecamp Trail Café แล้ววิ่งวอร์มจากถนนลาดยางเข้าไปก็ได้ จะเริ่มรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงนิด ๆ เมื่อสุดเส้นทางลาดยาง นั่นแหละครับของจริงมาแล้ว

ทางขึ้นช่วงแรกจะมีหินก้อนใหญ่ก้อนเล็ก มีดินที่แข็งและลื่น ไหนจะสู้กับแรงต้านแล้ว ต้องระวังการก้าวย่างด้วยนะครับ ถือเป็นการเจริญสติไปในตัว ผมตัวสูงก้มมองแต่หิน หัวโขกกิ่งไม้ไปหนึ่งที ได้สติกลับมาเลย จะมีช่วงที่ชันสลับการทางลาดให้พักเหนื่อย ขึ้นไปสูงอีกนิดจะได้เห็นน้ำตกอยู่ช้างทางให้ชื่นใจ ฮึดอีกอึดใจเดียวครับ พอเห็นสะพานข้ามน้ำตก นั่นแสดงว่าถึงวัดผาลาดแล้ว

ระหว่างทางขึ้นค่อนข้างลำบากและหอบสำหรับผม แต่เมื่อได้เห็นวัดที่งดงามถือว่าเป็นรางวัล หายเหนื่อยเลยครับ ได้ขึ้นไปไหว้พระ ถ่ายรูป หันกลับมาชมวิวว่าเราขึ้นมาสูงเหมือนกันนะ น้ำตกสะท้อนแดดยามเช้าสวยมาก จริง ๆ เส้นทางมีให้ขึ้นไปอีกสัก 2 กิโล แต่ผมว่าแค่นี้สำหรับผมกำลังดีแล้ว ขาลงก็สนุกไปอีกแบบ ที่ว่าชันเมื่อกี้กว่าจะไต่ขึ้นมาได้ พอขาลงจะพุ่งลงเร็ว หาที่ยึดเกาะไว้ก็ดีและระวังข้อเท้าพลิกด้วย

เราตั้งใจจะลงมากินอาหารเช้าที่ร้าน Basecamp แต่ร้านยังไม่เปิด…ไม่เป็นไร ไปกินที่ร้าน Living a Dream ใน มช. ก็เจ๋งมากเช่นกัน….ต้องขอขอบคุณเพื่อนที่พาไปเทรลวัดผาลาดและนำหนังสือ Ultraman มาให้ครับ เปิดโลกเทรลสำหรับผมจริง ๆ ครับ.

………………………………………..
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”

https://facebook.com/cloudbookfanpage