ว่ากันว่าในแต่ละฤดูกาลมันจะมีอย่างน้อยสักเกมที่มีโมเม้นต์สำคัญบ่งชี้ว่าถ้วยแชมป์กำลังจะไปอยู่ในมือของทีมใดทีมหนึ่ง

ไม่ว่าลูกโหม่งทำประตูของแวนต์ซอง กอมปานี ใส่แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2012 หรือจังหวะลื่นล้มของสตีเวน เจอร์ราร์ดในเกมกับเชลซี หรือจะเป็นลูกยิงมหาประลัยของกอมปานีใส่เลสเตอร์ปี 2019 ซึ่งสำคัญถึงขนาดที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา เย้ากองหลังคนสำคัญว่า “คุณอยากมีรูปปั้นตั้งอยู่ตรงไหนของสโมสร?”

ตอนนี้เราอยู่กลางเดือนกุมภาพันธ์ พูดตามตรงยังมีเวลาอีกหลายเดือนก่อนฤดูกาลจะปิดฉาก ดังนั้นถ้าจะถามว่าชัยชนะของอาร์เซนอลในช่วงท้ายเกมเหนือ แอสตัน วิลลา 4-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คือโมเม้นต์แห่งแชมเปียนหรือไม่? เรียนตามตรงคงมีแต่พระเจ้าที่รู้

อาร์เซนอล เพิ่งปราชัยต่อแมนฯ ซิตี 3-1 ทำให้ไม่ชนะมา 4 เกมติดต่อกัน แถมเกือบจะลากยาวไป 5 เกมติด ถ้าไม่ใช่เพราะลูกยิงไกลของจอร์จินโญในช่วงทดเจ็บที่้ต้องบอกว่ายิ่งกว่าขี่ดวง หลังบอลพุ่งชนคานสนั่น แต่บอลยังเด้งมาโดนหัวเอมี มาร์ติเนซ เข้าประตูแบบปาฎิหาริย์ แซงนำ 3-2 และจบด้วยการชนะ 4-2

นอกจาก 3 แต้มที่สุดล้ำค่า ที่อาจสำคัญไปกว่าคือความมั่นใจที่น่าจะกลับมาอีกครั้ง

แถมตำแหน่งจ่าฝูงซึ่งเพิ่งเสียไปก็ได้กลับคืนมาแบบทันควันเมื่อแชมป์เก่า แมนฯ ซิตี ที่เป็นฝ่ายบุกกระหน่ำ ฟอเรสต์ แทบวันเวย์กลับได้แค่เสมอ 1-1 แบบเหลือเชื่อ

กล่าวได้ว่าอะไรๆ ก็ดูเป็นใจกับอาร์เซนอลเสียเหลือเกิน

อาร์เซนอล และ มิเกล อาร์เตตา ยังทำให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าในช่วงเวลาที่ลำบาก ในช่วงเวลากดดัน ในช่วงเวลาตื้อๆ ตันๆ ที่ยังเล่นกันไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะครึ่งแรกที่เสียประตูง่ายไปหน่อย แต่พวกเขาก็ยังมุ่งมั่น ฝ่าวิกฤติ เก็บชัยชนะบีบคั้นหัวใจ

เทียบฟุตบอลกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนย่อมเคยเผชิญวันร้ายๆ ด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จะมากหรือน้อย และจะมีวิธีการรับมือหรือแก้ปัญหาอย่างไร

แฟนอาร์เซนอล คงหวังว่าจุดต่ำสุดของทีมได้ผ่านไปเรียบร้อย จากนี้ก็ใส่เกียร์ห้าเดินหน้ายาวๆ ไปเลย
เฮียเอง